จากกรณี "แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงชื่อดัง พลัดตกจากเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี ระหว่างล่องเรือกับเพื่อน ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมถึงนักประดาน้ำ ระดมลงพื้นที่ค้นหาร่างนักแสดงสาวตั้งแต่ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 24 ก.พ. 65 กระทั่งพบร่างของแตงโมเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 26 ก.พ. 65 ล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้ง 5 คนบนเรือ ในข้อหาแตกต่างกันไป
โดยเมื่อเวลา 23.40 น. วันที่ 25 ก.พ. 65 ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ นายตนุภัทร หรือ ปอ เจ้าของเรือที่อยู่ในที่เกิดเหตุเสร็จสิ้นแล้ว เปิดใจว่า คนที่ขับเรือจริง ๆ คือ นายไพศาล หรือ เบิร์ต ซึ่งตนเป็นเจ้าของเรือจริง แต่ไม่ได้เป็นคนขับ โดยมีการขับเรือไปทานอาหารที่ร้านบ้านตานิด ย่านปทุมธานี ในระหว่างทางมีการดื่มไวน์ แบบแบ่งเทคนละแก้ว รวม 6 คน ซึ่งปริมาณการดื่มก็ไม่ได้มาจนถึงเมาไม่ได้สติ
ก่อนออกจากร้านอาหาร ทุกคนเข้าห้องน้ำกันหมดมีแค่แตงโมคนเดียวที่ไม่ได้เข้าห้องน้ำ พอมาถึงใกล้จุดเกิดเหตุ ตนนั่งอยู่บริเวณหน้าเรือ จึงไม่เห็นว่าแตงโมไปทำอะไรด้านหลัง แต่ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านหลังคือแซน ซึ่งเป็นเพื่อนของแตงโม บอกกับตนภายหลังว่า แตงโมมีการเดินมาที่ด้านหลังของเรือเพื่อปัสสาวะ และมีการจับที่ขาของแซน แต่ด้วยตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าแตงโมจะไปปัสสาวะ ทำให้เรือยังคงวิ่งอยู่ ด้วยเพลงที่เปิดในขณะล่องเรือด้วยทำให้ไม่ได้ยินเสียงแตงโมตกน้ำ
แต่เมื่อทุกคนรู้ว่าแตงโมตกน้ำ ผู้ชายอีก 2 คนบนเรือก็ช่วยกันเปิดไฟฉายส่องหา และก็มีแค่แซนคนเดียวที่จะสามารถบอกได้ว่าแตงโมตกลงตรงจุดไหน ส่วนตนนั้นไม่ได้เห็นตอนตก จึงไม่สามารถระบุได้ แต่ก็ได้ประสานไปยังผู้ดูแลเรือกู้ภัยและตำรวจ 191 แล้ว ส่วนสาเหตุที่ไม่ยอมจอดเรือตามจุดจอดข้างทาง เพราะไม่รู้ว่าตรงไหนจอดได้บ้าง ไม่ค่อยได้คุ้นชินกับสองข้างทางริมน้ำ เรื่องเรือมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะไม่ได้แปะเลขหน้าเรือ ส่วนเรื่องพ.ร.บ.เรือนั้น ตนไม่ค่อยได้ใช้เรือ จึงทราบว่าขาดรายวัน และเรื่องของยางกันลื่นที่เรือนั้น ตนมองว่าเรือโคบอล์ตมีคุณภาพมาตรฐาน ลักษณะของพื้นท้ายเรือค่อยข้างขรุขระอยู่แล้ว
ประเด็นเรื่องที่ตนไม่รีบมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงการติดต่อไปยังทนายดังนั้น ตนยอมรับว่าอยู่ในอาการค่อนข้างตกใจ และกลัวในหลายประเด็น จึงได้มีการกลับไปตั้งหลักและตั้งสติ ก่อนที่จะมาพบตำรวจและการพบทนายนั้นมีจุดประสงค์เพื่อต้องการความสบายใจ
สุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกว่าตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากจะขอโทษครอบครัวของแตงโม อยากจะบอกว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
ส่วนที่สังคมตั้งคำถามเรื่องรองเท้าว่าไม่ตรงกัน ตอนทานอาหารก่อนและหลังกับช่วงที่นั่งเรือก่อนเกิดเหตุนั้น เนื่องจากลงจากรถใส่ส้นสูง ร้านอาหารชี้แจงว่ามีการเปลี่ยนรองเท้าแตะช่วงที่มาทานร้านอาหาร ส่วนที่บนเรือพบว่าไม่ได้สวมรองเท้า เนื่องจากง่ายต่อการเดิน