กรณีที่เมื่อวันที่ 21 ม.ค.62 เกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนคนข้ามถนนมีผู้เสียชีวิต ทราบชื่อนายพวน ผู้ปลื้ม นอนอยู่บริเวณหน้าร้านชัยรัตน์ปราการค้าวัสดุก่อสร้าง ใกล้โค้งสนภายในซอยวัดใหญ่บ้านปลากด หมู่ 7 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
วันที่ 22 ม.ค.62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มาค้งสนภายในซอยวัดใหญ่บ้านปลากด หมู่ 7 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ โดยตรงจุดเกิดเหตุเป็นถนน 2 เลนรถวิ่งสวนทางกัน บริเวณกลางถนนพบมีรอยคราบเลือดอยู่ โดยครอบครัวของนายพวน ผู้ปลื้มมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่จุดดังกล่าวด้วย
โดย
น.ส.สุพัตรา ปัญญาภูมิ หรืออ้อ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านขายของชำ ผู้เห็นเหตุการณ์ เผยว่า เมื่อวาน (21 ม.ค.) ช่วงบ่าย นายพวน ผู้ตายได้มาซื้อกระดาษมวนยาเส้น เมื่อผู้ตายซื้อของเรียบร้อยแล้วจึงไปยืนที่หน้าร้าน เพื่อรอจังหวะข้ามถนน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเด็กที่นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุตะโกนว่า “เฮ้ย” เมื่อหันไปมองก็เห็นร่างผู้ตายลอยไปห่างจากหน้าร้านประมาณ 5 เมตร ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงก็ได้เข้ามาช่วยเหลือ
ส่วนเด็กที่ขี่รถจักรยานยนต์มาได้รับอาการบาดเจ็บหนักสุด ถัดมาคือคนที่นั่งตรงกลาง ส่วนคนซ้อนท้ายไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บ
คุณอ้อ เผยอีกว่า ปกติแล้วแฟนตนจะเห็นเด็กกลุ่มนี้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ่อยครั้ง แต่ละครั้งก็มักจะขี่รถเร็ว บางครั้งก็ยกล้อ แต่เรื่องยกล้อตนคิดว่าเด็กกลุ่มนี้อาจไม่ได้ยกล้อทุกวัน และตนก็ไม่เคยพูดคุยกับเด็กกลุ่มนี้มาก่อน
ทั้งนี้ ผู้ตายเป็นคนที่ทำอะไรค่อนข้างช้า ใจเย็น และเป็นคนไม่ประมาท ยิ่งเวลาผู้ตายมาซื้อของที่ร้าน และต้องข้ามถนนทุกวันก็มักจะมองรถก่อนเสมอ แต่ก็ไม่ทราบว่าทำไมวันเกิดเหตุถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ หรือเพราะเป็นคราวเสียชีวิตของผู้ตายจึงทำให้มองไม่เห็นรถหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนต้องการฝากไปถึงเด็กที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ชนผู้ตายว่า ต้องการให้คิดถึงพ่อแม่ที่ต้องหาเงินมาชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกตัวเอง และต้องการให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ระมัดระวังตัวมากขึ้น
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่วัดใหม่บางปลากด ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศพศพนายพวน ผู้ปลื้ม ผู้เสียชีวิต โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีบรรดาญาติและเพื่อนสนิทมาร่วมงานด้วยความอาลัย
โดย
นายจารุวัฒน์ ผู้ปลื้ม ลูกชายคนโตของนายพวน ผู้เสียชีวิต เผยว่า เมื่อวาน (21 ม.ค.) เวลาประมาณ 15.00 น. แฟนของตนได้โทรศัพท์มาบอกว่า พ่อตนโดนรถชน ขณะนั้นยังไม่ทราบว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่าพ่อนอนตะแคง มีเลือดไหลออกจากศีรษะจำนวนมาก และหายใจแบบรวยริน เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงก็ได้พยายามปั๊มหัวใจแต่พ่อไม่ฟื้น ส่วนคู่กรณีตนก็เห็นได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่เขาคงไม่ทราบว่าตนเป็นลูกผู้เสียชีวิต
หลังจากนั้น ตนก็เห็นแม่ของผู้ขี่รถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุจึงขอเบอร์โทรศัพท์ไว้เพื่อติดต่อ เมื่อวานก็ได้พูดคุยกับแม่เด็ก โดยแม่ของเด็กบอกว่าจะไปดูที่บ้านว่ามีเงินให้กับครอบครัวตนหรือไม่ กระทั่งช่วงเช้าวันนี้แม่เด็กจึงโทรศัพท์บอกว่าโอนเงินให้แล้ว และเมื่อดูในบัญชีก็พบว่ามีเงินเข้ามาจำนวน 2,000 บาท แต่ความจริงตนอยากให้มาดูแลเรื่องงานศพมากกว่า เพราะครอบครัวตนก็ไม่มีเงินเช่นกัน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ตนก็ทราบมาจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าเด็กกลุ่มนี้ชอบขี่รถจักรยานยนต์แบบยกล้อ
ด้าน
นางกล้า (นามสมมติ) แม่ของน้องแม็ก ผู้ขี่รถจักรยานยนต์วันเกิดเหตุ เผยว่า เมื่อวาน (21 ม.ค.) ลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่า “แม่หนูขับรถชนเขา หนูไม่ไหว หนูเจ็บ” เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่า นายผวนเสียชีวิตแล้ว ส่วนลูกตนได้รับบาดเจ็บตรงหน้า และตรงปาก ซึ่งตอนแรกแผลที่ปากต้องเย็บ แต่ตนไม่มีเงินในการรักษา เนื่องจากไม่มีเงิน เพราะสามีก็ทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยได้เงินแค่วันละ 400 บาท ส่วนตนก็ทำงานโรงงานขนมปังได้วันละ 400 บาท เท่านั้น
นางกล้า เผยว่า รถจักรยานยนต์ในวันที่เกิดเหตุไม่ใช่ของลูกตน แต่ลูกไปยืมเพื่อนมาขี่ หากถามถึงนิสัยยอมรับว่าลูกเป็นคนดื้อ แต่เวลาลูกทำอะไรผิดก็จะยอมรับผิด แต่หากไม่ได้ทำผิดก็จะเถียงหัวชนฝา สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ลูกก็ยอมรับผิด และบอกว่าขี่รถจักรยานยนต์มาความเร็ว 70 กม./ชม.
ทั้งนี้
นางกล้า พูดทั้งน้ำตาว่า ตนเสียใจที่ลูกทำให้ครอบครัวของผู้ตายสูญเสียพ่อ และตนก็จะพยายามหาเงินมาให้กับครอบครัวผู้ตาย แม้จะต้องกู้เงินก็ตาม รวมทั้งต้องคุยกับครอบครัวของเพื่อนลูกตนอีก 2 คนที่นั่งซ้อนมาด้วยในเรื่องการเยียวยา
ต่อมาทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดจากร้านขายของเก่าที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร พบว่าเวลาเกิดเหตุช่วงเวลา 15.29.07 น. ของวันที่ 21 ม.ค. ผู้ตายที่สวมเสื้อสีขาวกำลังเดินออกจากร้านขายของชำออกมาและได้ก้าวข้ามถนน และมีรถจักรยานยนต์ของคู่กรณีขี่มาและชนเข้ากับผู้ตายอย่างจัง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เรียกคู่กรณีมาสอบปากคำ เนื่องจากยังบาดเจ็บอยู่ ขณะนี้ก็รวบรวมพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต