กรณีนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของสาวแตงโม เปิดเผยเอกสารซึ่งเกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ประกันชีวิต ในรายการโหนกระแส เนื่องจากสาวแตงโมระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ เป็นชื่อของน้องอีสเตอร์ จำนวน 1 ล้านบาท แต่นางภนิดา ในฐานะแม่เป็นผู้จัดการมรดก ก็ได้งัดหลักฐานออกมาโชว์ให้เห็นว่า สาวแตงโม ยังไม่ได้เซ็นรับรองน้องอีสเตอร์ เป็นลูกบุญธรรมตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
“แต๊งค์ - พงศกร มหาเปารยะ” ก็เก็บอารมณ์ไม่ไหว จึงโพสต์รูปข้อความเป็นภาษาอังกฤษในไอจีส่วนตัวว่า ระบุว่า “When friendship runs deeper than blood.” พร้อมอธิบายว่า “มีหนังสือนิยายเรื่องนึงในยุคปี 90's ชื่อเรื่อง Sleepers : A True Story When Friendship Runs Deeper Than Blood มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่มีความรักผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งกว่าสายเลือด”
ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสได้พูดคุยกับ “แต๊งค์ - พงศกร มหาเปารยะ” กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่สังคมคาดหวังสูง เพราะทุกคนก็อยากให้แตงโมได้รับความยุติธรรม คนผิดก็ต้องโดนรับโทษในสิ่งที่เขากระทำ แต่วันนี้ก็น่าจะเป็นครั้งแรกของคุณแม่ที่ได้ออกมาพูดแบบเต็ม ๆ ตนก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกของคุณแม่ในตอนที่พูดในรายการเป็นอย่างไร แต่ตนเชื่อว่าคนเป็นแม่ที่สูญเสียลูก เขาก็เสียใจอยู่แล้ว แต่อีกหนึ่งประเด็นที่คุณแม่พูดในรายการ เรื่องการให้อภัย ตนคิดว่าเป็นมุมมองคุณแม่เพียงคนเดียว สังคมอาจจะตั้งธงไว้ว่า คนนี้ดี คนนี้ไม่ดี ต่างคนก็ต่างคิด
ทั้งนี้ ตนจึงอยากดึงสติของคุณแม่และสังคม ว่าต้องนึกด้วยว่าน้อง ๆ ที่เป็นเพื่อนแตงโม อาจจะทำไม่ถูกใจแม่ แต่ถ้าย้อนกลับไปความสัมพันธ์ของเพื่อนกลุ่มนี้ เขารักและห่วงแตงโมมาก ๆ คุณแม่อาจจะไม่พอใจเพื่อนกลุ่มนี้ แต่ถ้าคุณแม่มองเห็นจิตใจของแตงโมจริง ๆ ตนก็อยากให้คุณแม่ใช้ส่วนนี้เข้าใจความรู้สึกของน้อง ๆ ที่เป็นเพื่อนแตงโมมากกว่านี้
สำหรับกระติก ก็ได้รับบทลงโทษจากสังคมแล้ว ถ้าเป็นทางกฎหมายก็เหมือนกับว่า โดนประหารชีวิตทางสังคมไปแล้ว แต่เขาจะสำนึกหรือไม่สำนึกก็เป็นอีกเรื่อง คุณแม่ไม่ให้อภัยกระติก แต่แม่ไปให้อภัยผู้ชายที่เหลือบนเรือ เพียงเพราะเขาติดต่อมาร้องไห้และขอโทษพียงเท่านี้เองเหรอ อย่าลืมว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความประมาทของใคร หรือใครเป็นคนมั่นหน้าพากันไปเที่ยว มีเงินซื้อเรือแต่ไม่มีใบอนุญาต และไม่มีความรู้ในการช่วยเหลือ รวมถึงขี้ขลาดที่จะช่วยเหลือคนจมน้ำ เพียงเพราะกลัวกระแสสังคมจะประณามว่า ประมาทแบบโง่ ๆ หรือเปล่า กลัวเรื่องของกฎหมายจนต้องถ่อยหลังไปตั้งหลักปรึกษาทนาย ผู้ชายพวกนี้พาลูกสาวของคุณแม่ไปตายใช่หรือไม่
"วันนี้คุณแม่กลับให้อภัยพวกเขา ด้วยการคิดคำนวณเงินที่จะได้รับ และก็รับการขอขมาจากเขา ทั้งแม่ยังเผยว่าเขาโทรมาร้องไห้กับแม่ ติดต่อคุณแม่ทุกวัน คือแม่กำลังเอาผู้ชายทั้ง 2 คนนี้ไปเปรียบเทียบกับกระติก เพราะกระติกไม่เคยโทรมา มีแต่ผู้ชายโทรมา แม่เลยให้อภัยแต่ผู้ชาย ผมมองว่ามันไม่ใช่ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน ข้อสงสัยยังมีอยู่เยอะ แผลเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น ตกได้ยังไง แล้ว 5 คนนี้ยังไม่รู้ว่าพูดความจริงหรือไม่ แต่คุณแม่รีบร้อนให้อภัยเร็วไปหรือเปล่าครับ" แต๊งค์ พงศกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากที่มีคนโพสต์รูป และข้อความเป็นภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทยได้ว่า เมื่อความสัมพันธ์ของเพื่อน มันลึกซึ้งกว่าความสัมพันธ์ของสายเลือด ซึ่งมันเป็นวลีจากนิยายเรื่องหนึ่งที่ตนได้อ่านตอนเด็ก ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ยิ่งกว่าคนในครอบครัว ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกว่า วันนี้ตนเห็นใจกลุ่มเพื่อนของแตงโม
เพราะว่า ฮิปโป ถือว่าตกเป็นเครื่องมือของเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตรง เป็นคนที่ติดต่อไปหาคุณแม่ แทนกระติก พยายามที่จะเป็นคนกลาง ส่วนสาเหตุที่ฮิปโปให้คุณแม่ปิดข่าว ก็เพราะว่าเกรงใจกระติก และวันนั้นก็ยังไม่รู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างชัดเจน แต่ทำไมคุณแม่ไปมีอคติกับเพื่อนสนิทของลูกสาว ในทางกลับกันไฮโซปอ เป็นเพียงแค่ลูกเขยของคนมียศ ซึ่งชวนกันไปล่องเรือแล้วทำแบบนี้กับแตงโมเหรอ ส่วนแอนนา เป็นคนเต็มที่ และเรื่องที่แตงโมเสียชีวิตก็กระทบจิตใจเขามาก ๆ เพราะเป็นคนอ่อนไหว เขาจริงใจและรักแตงโมจริง ๆ
วัน อยู่บำรุง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก @Wan ubumrung ระบุว่า "แม่ครับ...ยับมากแม่😱 จบข่าว แยกย้าย #สงสารแตงโม😭"
“แทค ภรัณยู” ก็ได้ออกมาโพสต์ภาพตัวเองกำลังหอน พร้อมข้อความว่า “จบแยกย้าย หอนกันไป จบแยกย้ายทุกคน จบนะ ไม่ต้องตามสืบอะไรละมันจบละ พอ พอ #สงสารแอนนาสงสารฮิปโป #กูพอละ #จบละ #ไปดูสงครามกันดีกว่า #พี่ๆนักข่าวแยกย้ายครับมันจบละ #ใครหอนเป็นเพื่อนผมบ้าง” ก่อนจะโพสต์คลิปวิดีโอฝากผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขว่า “ฝากถึงผลิตภัณฑ์อาหารหมาทุกท่านนะครับ ส่งให้ผมรีวิวได้นะครับ ผมรับรีวิวอาหารหมาครับวันนี้ส่งมาเลยครับ”