กรณีนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของสาวแตงโม เปิดเผยเอกสารซึ่งเกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ประกันชีวิต ในรายการโหนกระแส เนื่องจากสาวแตงโมระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ เป็นชื่อของน้องอีสเตอร์ จำนวน 1 ล้านบาท แต่นางภนิดา ในฐานะแม่เป็นผู้จัดการมรดก ก็ได้งัดหลักฐานออกมาโชว์ให้เห็นว่า สาวแตงโม ยังไม่ได้เซ็นรับรองน้องอีสเตอร์ เป็นลูกบุญธรรมตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.65 ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ผ่านอมรินทร์ ทีวี ระบุว่า สำหรับทิศทางของคดีหลังจากนี้ จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตำรวจว่าจะสรุปสำนวนมาแบบไหน แต่เบื้องต้นตนคิดว่าอาจจะแจ้งข้อหาประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งหากตัวผู้กระทำความผิดรับสารภาพ และมีการจ่ายเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ก็จะถือว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ อาจจะทำให้ศาลกำหนดโทษเล็กน้อย หรือหนักเบาเพียงใดก็ได้ หรืออาจจะรอลงอาญาก็ได้
ส่วนกรณีที่คุณแม่บอกว่าได้เข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว คนคิดว่าในส่วนนี้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน แต่ประเด็นก็คือ กรณีที่ผู้เสียชีวิตไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ การจะเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกได้ จะต้องมีคำสั่งศาลลงมา และถึงแม้จะเป็นผู้จัดการมรดกได้แล้ว เรื่องเงินประกันอุบัติเหตุ ก็จะเป็นคนละส่วนกับมรดกที่ผู้เสียชีวิตทิ้งไว้ เพราะมีเงื่อนไขว่าต้องถึงแก่ความตายถึงจะได้เงินประกัน เว้นเสียแต่ว่าเงินประกันนั้นเป็นเงินออม หรือเงินที่ได้มาก่อนเสียชีวิต ถึงจะถือว่าเป็นมรดกตกทอดได้ ตนขอฝากชาวเน็ต คิด วิเคราะห์ และแยกแยะ อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น และใช้วิจารณญาณในการรับชมเสพข่าวสารด้วย
นอกจากนี้ "แอนนา" เพื่อนสนิทของแตงโม ยังเคยให้สัมภาษณ์ผ่านช่องยูทูบ Nickynachat ระบุว่า "แตงโมร้องไห้บ่อย แต่ไม่ร้องให้ใครเห็น เวลาจะร้องก็เรียกแอนนาขึ้นรถแล้วปล่อยโฮ แต่แตงโมไม่เคยร้องไห้พร่ำเพรื่อ เมื่อปีที่แล้วโมคิดสั้น ก็ถามว่าทำไมถึงไม่อยากอยู่ แตงโมก็บอกว่าเพราะพ่อไม่อยู่แล้ว จึงรู้สึกว่าไม่อยากอยู่บนโลก อยากนอนแล้วก็ให้มันไหลไปเลย แอนนาจึงบอกกับแตงโมไปว่า มีปัญหาอะไรขอให้เล่า แล้วช่วยกัน มีการโทรคุยกันมากขึ้น"
"ถ้าใครได้มาอยู่กับแตงโมจริง ๆ จะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องสู้หลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน ค่ารถ ก่อนหน้านี้คนจะสงสัยว่าทำไมแตงโมไม่มีเงินเก็บ แตงโมเป็นคนไม่เคยเก็บเงินเอง ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ได้เงินมากี่บาทจากการทำงานก็จะให้คุณพ่อเก็บ ซึ่งคุณพ่อเป็นคนจัดการทุกอย่างดีมาโดยตลอด ปีก่อนแอนนาชวนแตงโมไปเที่ยวยุโรป และจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แตงโมก็รู้สึกลำบากใจ จริง ๆ ตัวแตงโมเองไม่ค่อยอยากไปเท่าไร แต่อยากพาเบิร์ด ไปเที่ยวด้วยมากกว่า แอนนาเลยจะขายงานให้ 1 งาน แต่แตงโมต้องเอาเงินนี้ไปเที่ยว ซึ่งแตงโมก็ตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร เกรงใจ เอาไว้ครั้งหน้า เดี๋ยวเก็บเงินไปกันเองดีกว่า" แอนนา กล่าว
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าว่า การทำสัญญาประกันชีวิตของคุณแตงโม ถ้าเขายกประโยชน์ให้ใคร คนนั้นก็มีสิทธิ์ได้ประกัน และมีหน้าที่ต้องจ่ายตามสัญญาด้วย ประกันชีวิตจึงไม่ใช่มรดก เพราะมรดกหมายถึงสิ่งที่มีอยู่ก่อนตาย ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นหลังตายไม่เรียกมรดก กรณีที่คุณแม่ของคุณแตงโม จะขอแบ่งเงินประกันครึ่งหนึ่ง ตนยืนยันว่าทำไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะไปคุยกันเองภายหลังกับผู้รับเงินผลประโยชน์ ซึ่งเคสนี้ก็เป็นเด็กอีกยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะคุยกับเด็กให้รู้เรื่อง
ส่วนเรื่องหนี้สินของคุณแตงโม แม่ในฐานะทายาททางกฎหมาย จะต้องรับผิดชอบชดใช้หนี้สินทุกบาททุกสตางค์ของคุณแตงโม ก็เห็นใจแม่ด้วยในเรื่องนี้ แต่เมื่อแม่อยากเป็นผู้จัดการมรดกของคุณแตงโมก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งหนี้ หากคุณแตงโมไม่มีทรัพย์สินเลย แต่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน แม่อาจจะไม่ขอรับมรดกส่วนหนี้สินก็ได้ เช่น แตงโมมีทรัพย์ 1 ล้านบาท แต่มีหนี้สิน 4 ล้าน แม่ต้องนำทรัพย์สินไปจ่ายหนี้สินเพียง 1 ล้าน เหลืออีก 3 ล้านบาทแม่ไม่จ่ายเลยก็ได้