กรณีเหตุผู้เสียชีวิต ผูกคอตายอยู่ภายในศาลาวัดแห่งหนึ่ง ในตำบลบัวตูม จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตัดพ้อ ทำนองว่า ”ให้มาเก็บศพที่วัด” และญาติของผู้ตายเชื่อว่าผู้ตายเสียชีวิตอย่างผิดปกติ นั้น
วันที่ 27 ม.ค. 62 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ บ้านโนนป่าบาก ตำบลบัวตูม จังหวัดบึงกาฬ บ้านของนายเก่ง ศรีสง่า อายุ 28 ปี สาวประเภทสอง ผู้ตาย มีชาวบ้านและญาติพี่น้องจัดเตรียมเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ สำหรับรอรับศพผู้ตายมาบำเพ็ญกุศล
โดย
นางพลอย (นามสมมติ) อายุ 48 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ครั้งสุดท้ายที่ตนคุยกับลูก ลูกไม่ได้พูดตัดพ้อหรือเล่าอะไรให้ฟัง แต่ตนเห็นว่าลูกโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำนองว่า “มีพระรังแก และคนพยายามทำร้ายร่างกาย” จึงรู้สึกเป็นห่วง และส่งข้อความให้ลบโพสต์ดังกล่าว แต่ลูกไม่ตอบกลับหรืออ่านข้อความ กระทั่งตนเห็นว่า ลูกโพสต์ต่อว่า “เก็บศพด้วย วัดป่าสำบอน” จึงรู้สึกใจไม่ดี และประสานญาติที่ไทยให้เดินทางไปที่วัด
นางพลอย กล่าวอีกว่า จากโพสต์เฟซบุ๊กของลูกชาย ตนคาดว่าลูกไม่ได้หมายความว่าจะไปฆ่าตัวตาย แต่เป็นการโพสต์ที่ต้องการสื่อว่า การเข้าไปในวัดครั้งนี้ จะไม่ได้กลับออกมาอีก ประกอบกับตลอดช่วงที่ผ่านมา ตนเคยเตือนลูกว่าไม่อยากให้เข้าไปภายในวัดดังกล่าว แต่ลูกก็ไม่เคยฟัง อ้างแต่เพียงว่า ”เพราะรักเขา ต้องการไปหาเขา” ตนจึงเป็นห่วงว่าวันหนึ่งลูกจะถูกทำร้าย
แต่ทั้งนี้ ตนก็ไม่เคยเจอนายตี๋ แต่เคยเห็นหน้าระหว่างการวิดีโอคอลพูดคุยกับลูกชายตนในบางครั้ง และทราบว่าเด็กทั้งสองคนมีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้ง และถูกกีดกันจากพระเจ้าอาวาส ซึ่งตนเองก็พยายามบอกกับลูกว่า "ออกห่างเขาเถอะลูก"
ส่วนสาเหตุการตายในครั้งนี้ ตนเชื่อว่าเกิดจากการจัดฉากของคนบางกลุ่ม และจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจมาก หัวอกคนเป็นแม่ก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา และต้องการฝากถึงคนที่ทำร้ายลูกว่า หากลูกของเขาถูกทำร้ายบ้างจะทำอย่างไร
ขณะที่
นายปิง (นามสมมติ) อายุ 49 ปี อาของผู้ตาย เปิดเผยว่า หลังทราบว่าหลานผูกคอตายอยู่ที่วัด ตนจึงเดินทางไปดูศพ พบจุดผิดสังเกตคือ เชือกมีลักษณะผูกเหมือนมัดสิ่งของ ไม่ได้มีลักษณะทำเป็นบ่วงเพื่อใช้แขวนคอตาย ส่วนสภาพศพก็ไม่มีลิ้นจุกปากแต่อย่างใด รวมถึงจุดเกิดเหตุ ก็ไม่ได้มีสิ่งของที่ใช้เหยียบขึ้นไปผูกคอตาย มีเพียงหมอนสามเหลี่ยมเท่านั้น
นายปิง กล่าวอีกว่า หลังจากที่หลานโพสต์ให้ไปรับศพที่วัด ตนเองและชาวบ้านรวมถึงญาติคนอื่น ๆ จึงพยายามติดต่อหาเจ้าอาวาสเพื่อขอเข้าไปขอดู แต่กลับถูกกีดกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งหลังพบศพของหลานชายแล้ว แต่กลับพบว่ามีรอยเลือดอยู่ในบริเวณข้างห้องน้ำ ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นรอยเลือดของหลาน โดยอาจเกิดการทำร้ายร่างกายกันขึ้น ก่อนที่จะนำไปอำพรางศพ โดยรอยเลือดดังกล่าว เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบแล้ว
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวเดินทางไปยังวัดซำบอน ในตำบลเหล่าทอง จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายเก่งผูกคอตาย
โดย
นายตี๋ (นามสมมติ) คนสนิทของนายเก่ง กล่าวว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.00 น. นายเก่งมาดักซุ่มรอตนอยู่บริเวณต้นไม้หน้าห้องน้ำ ใกล้กับอาคารนอน จากนั้น ตนและนายเก่ง จึงเกิดการโต้เถียงกัน เนื่องจากที่ตนไม่ตอบแชต และรับโทรศัพท์ของนายเก่ง จากนั้นเริ่มมีการทำร้ายร่างกายกัน โดยนายเก่งใช้ไม้กวาดที่อยู่ข้างห้องน้ำทุบทำร้ายร่างกายตน จนได้รับบาดเจ็บที่มือด้านซ้ายเป็นแผล และบวม ส่วนบริเวณนิ้วโป้ง ด้านซ้าย และหู ยังถูกนายเก่งกัดเป็นแผลลึก จึงเป็นที่มาของกองเลือดที่อยู่ข้างห้องน้ำ
จากนั้นเจ้าอาวาสและพระเลขา รวมถึงศิษย์วัดอีก 1 คน ได้ยินเสียง จึงลงมาระงับเหตุ กระทั่งมีการจับแยกตนเองและนายเก่งออกจากกัน และได้เคลียร์ใจให้ตนและนายเก่งแยกย้ายกัน โดยเจ้าอาวาสและพระเลขาเป็นผู้เดินไปส่งนายเก่งที่ประตูรั้ววัด หลังจากนั้นทุกคนก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น หรือผู้ตายมีการย้อนกลับมาผูกคอตายช่วงเวลาใด
อีกทั้ง นายตี๋ ยังได้เปิดบาดแผลให้ทีมข่าวดู โดยพบว่ามีรอยฉีกขาดบริเวณหูด้านซ้าย และมีเลือดแข็งตัวเกาะอยู่ ส่วนบริเวณแขนด้านซ้ายมีรอยแผลที่บริเวณนิ้วโป้ง และบริเวณฝ่ามือ - หลังมือ มีรอยแผลเล็กน้อย และมีอาการบวม
ซึ่ง
นายตี๋ ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตนและนายเก่งนั้นไม่มีอะไรเกินเลย ตนเลิกคุยกับนายเก่งมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่ทั้งนี้ ผู้ตายมักคิดไปเอง ทั้งที่ตนคิดแค่คนสนิท แต่ไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น หลังเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ตนก็รู้สึกเสียใจแต่ไม่ถึงขั้นร้องไห้ และไม่มีอะไรฝากไปบอกอะไรกับครอบครัวคนตาย
ด้าน
พระครูวรวงศวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดซำบอน (สิริธรรมมาราม) กล่าวว่า อาตมาเป็นผู้รับเลี้ยงนายตี๋ที่กำพร้าพ่อแม่ ตั้งแต่ 3 ขวบ และให้บวชตั้งแต่นั้นมา กระทั่งลาสิกขาเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว วันหนึ่งนายตี๋ขออนุญาตไปเที่ยวงานหมอลำซิ่งกับเพื่อน และได้พบกับนายเก่งเข้ามาติดพัน ขณะนั้นอาตมาก็ไม่ได้กีดกันหรือขัดขวางแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้มีสถานะเป็นพี่น้องกันเท่านั้น แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมา ทั้งสองคนจะแอบคบหรือเริ่มมีความสัมพันธ์กันแบบไหนอาตมาก็ไม่ทราบ
อาตมายอมรับว่า เคยมีช่วงหนึ่งที่สั่งห้ามไม่ให้นายตี๋รับโทรศัพท์ หรือตอบแชตกับนายเก่ง เพราะต้องการให้ยุติความสัมพันธ์ที่เกินเลย ส่วนที่ชาวบ้านพูดกันว่า อาตมาฆ่านายเก่งนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะพระไม่สามารถฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้ ยิ่งกับสาวประเภทสองคนนี้ก็ไม่เคยคิดไม่ดี และทุกครั้งที่สาวประเภทสองคนนี้ต้องการความช่วยเหลือ อาตมาก็จะช่วยทุกเรื่อง
พระครูวรวงศวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า วันเกิดเหตุ นายเก่งแอบดักซุ่มรอเจอนายตี๋ จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มมีปากเสียงกัน อาตมาจึงเข้าไประงับเหตุ กระทั่งเห็นว่านายตี๋ถูกทำร้ายร่างกายกัดเข้าไปที่หูซ้ายและถูกไม้ตะพดตีมือ อาตมายืนยันว่า พระและลูกศิษย์วัดที่เข้าไประงับเหตุนั้น ไม่ได้ทำร้ายร่างกายนายเก่งแต่อย่างใด ต่อมาอาตมาจึงพานายเก่งเดินออกไปส่งที่รั้ววัด
ส่วนกรณีที่ผู้ตายโพสต์ว่า มีคนภายในวัดทำร้ายร่างกาย รวมถึงมีโพสต์ที่ระบุว่าให้มารับศพที่วัด อาตมาไม่ทราบว่าเป็นการสร้างกระแสกับเพื่อนกลุ่มสาวประเภทสองด้วยกันหรือไม่ และอาตมาก็ไม่ได้เจตนาที่จะปิดวัดเพื่อไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง หรือต้องการซ่อนเร้นอำพรางศพ แต่ด้วยความเป็นวัดป่า จึงทำให้ต้องมีเวลาเปิดปิดเพื่อดูแลความปลอดภัยเท่านั้น
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูล แชตล่าสุดที่ผู้ตายส่งไปหาฝ่ายชาย ในวันพฤหัสบดี ที่ 24 ม.ค. เวลา 17.58 น. ก่อนที่จะไปที่วัด ระบุข้อความว่า “คิดถึงมาก”
จากนั้น หลังเกิดเหตุ เวลา 20.34 น. ผู้ตายออกจากวัด จึงส่งข้อความส่วนตัวให้นายตี๋ อีกครั้งว่า “สิ่งที่เธอมองข้าม ความรักที่ให้ สิ่งที่เก็บไว้ คือ อะไร กูจะจบเอง เพราะมึงทำให้กูรัก”
โดยข้อความในแชตนี้เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ นายเก่งโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เก็บศพด้วย วัดสำบอน”
ส่วนความคืบหน้าทางคดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ได้ส่งศพผู้ตายตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลอุดรธานีอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โดยเบื้องต้นได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า เจ้าหน้าที่กำลังเรียกสอบผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงพยานทั้งหมด