เครดิตภาพ : NARITPageซึ่งจะเป็นวันที่ดาวเสาร์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ (Opposition : ตำแหน่งที่ดาวเสาร์ โลก และดวงอาทิตย์ เรียงอยู่ในเส้นตรงเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลาง) และยังเป็นตำแหน่งที่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ที่ระยะทางประมาณ 1,353 ล้านกิโลเมตร เวลาประมาณ 16.00 น. เป็นผลให้สามารถสังเกตดาวเสาร์ได้ยาวนานตลอดทั้งคืน ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกดินจนถึงรุ่งเช้าวันถัดไป โดยจะเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่เวลา 19.30 น. เป็นต้นไปในทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องและกลุ่มดาวคนยิงธนูสีเหลืองสว่าง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือหากมองผ่านกล้องโทรทรรศน์หรือกล้องสองตาที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 30 เท่าขึ้นไป จะเห็นวงแหวนดาวเสาร์ได้อย่างชัดเจน และจะตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเช้าวันที่ 16 มิถุนายน 2560 การที่ดาวเสาร์ปรากฏบนท้องฟ้ายาวนานตลอดคืนทำให้เราสามารถสังเกตการณ์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การชมด้วยตาเปล่า การมองผ่านกล้องโทรทรรศน์หรือกล้องสองตาซึ่งจะสามารถมองเห็นวงแหวนของดาวเสาร์ได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงการถ่ายภาพวงแหวนดาวเสาร์ เป็นต้น และหลังจากวันที่ 15 มิถุนายน เรายังสามารถชมความสวยงามของดาวเสาร์ได้จนถึงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2560 ซึ่งตามปกติแล้วดาวเสาร์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์หรือใกล้โลกที่สุดเป็นประจำทุกปี โดยครั้งล่าสุดวันที่ 3 มิ.ย. 2559 และจะเกิดขึ้นครั้งต่อไปในวันที่ 27 มิ.ย. 2561 ทั้งนี้ทางด้าน สดร. ยังมีการจัดเตรียมจุดสังเกตการณ์ "ดาวเสาร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี" อีกทั้งยังได้สัมผัส "วงแหวนดาวเสาร์" พร้อมกับ “ดวงจันทร์ไททัน” ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตดาวพฤหัสบดี พร้อมดวงจันทร์บริวารอีก 4 ดวง แบบเต็มตา 3 จุดหลักที่ จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา และจ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเครือข่ายโรงเรียนอีก 260 แห่งทั่วประเทศ ในคืนดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับจุดสังเกตการณ์หลัก 3 จุด ได้แก่ 1. จ.เชียงใหม่ : บริเวณลานน้ำพุ หน้าศูนย์การค้า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ สอบถามรายละเอียดโทร. 081-8835670 2. นครราชสีมา : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา สอบถามรายละเอียดโทร. 081-8835670 3. ฉะเชิงเทรา : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา สอบถามรายละเอียดโทร. 084-0882264
ที่มา : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เครดิตภาพ : NARITPage