สาวใหญ่โร่แจ้งความ เกือบโดนหมอตบ เพราะเอกสารไม่พร้อมหลังพาหลานไปหาหมอ

11 มี.ค. 65

สาวใหญ่วัย 42 ขึ้นโรงพักแจ้งความหลังพาหลานสาววัย 2 ขวบ ไปรักษาอาการชักเกร็งแต่เกือบ โดนหมอตบ คาดเพราะเอกสารไม่พร้อม

เมื่อวันที่ 11มี.ค.65 นางสาวภิญญาพัชญ์ อายุ 42 ปี ชาวบ้านตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่เพื่อให้ดำเนินคดีกับแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ที่เข้ามาแสดงอาการไม่พอใจและเข้ามาประชิดตัวแล้วเงื้อมมือขึ้นเกือบที่จะตบหน้าขณะกำลังพาหลานสาววัย 2 ขวบเข้าไปรับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลแห่งนี้

นางสาวภิญญาพัชญ์ ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนว่าช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 10มีนาคม2565 ที่ผ่านมาได้พาตัวหลานสาวอายุ 2 ขวบซึ่งเกิดอาการชักเกร็งและคาดว่ามีสิ่งของติดอยู่ในคอจึงได้พาหลานสาวมาพบแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งโดยใช้สิทธิบัตรทอง30บาท จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในห้องฉุกเฉินเข้ามาดูแลหลานบนเตียงคนไข้และให้ตนไปทำบัตรผู้ป่วยและรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินโดยที่ยังไม่ทันบอกรายละเอียดอาการให้ทราบ

ขณะนั้นหลานสาวได้ร้องไห้ส่งเสียงดังมีแพทย์ผู้ชายคนหนึ่งมีรูปร่างอ้วนอายุประมาณ 40 ปีเศษ ที่นั่งโต๊ะทำงานอยู่ในห้องฉุกเฉินได้มาบอกตนให้ไปทำบัตรโดยพูดแบบมีอารมณ์โกรธ เนื่องจากตนเร่งรีบมา ร.พ. ไม่ได้นำเอกสารใดๆ มาและได้ให้สามีกลับไปเอาเอกสารมาทำบัตรที่บ้านตามมา

ทางแพทย์คนดังกล่าวได้เรียกตนเข้าไปดูผลการตรวจเอกซเรย์แพทย์แจ้งว่าไม่พบอะไรในหลอดลมและกระเพาะอาหารผู้ป่วยแต่เนื่องจากหลานสาวยังมีอาการชักกระตุกเกร็งตนจึงได้สอบถามอาการและการรักษาต่อไปแต่แพทย์คนดังกล่าวไม่ได้อธิบายว่าจะต้องรักษาอย่างไรต่อไปให้ทราบแต่อย่างใดและได้ตอบคำถามแบบมีอารมณ์โกรธโดยเริ่มเดินเข้ามาประชิดตัวถึง 2 ครั้ง ตนจึงได้ใช้มือผลักแพทย์คนดังกล่าวไปทั้ง 2 ครั้งและมีการพูดจาโต้เถียงกันและแพทย์คนดังกล่าวยังได้แสดงอาการจะทำร้ายผู้แจ้งโดยการง้างมือข้างขวาจะตบตนและมีการโต้เถียงกันระหว่างผู้แจ้งกับแพทย์ดังกล่าวจากนั้นแพทย์คนดังกล่าวได้เดินออกไปจากห้องที่เกิดเหตุและมีแพทย์คนใหม่เข้ามาดูแลและรับรักษาหลานสาวของตน

ภายหลังจากเกิดเหตุได้เข้าพบผู้ใหญ่ของทางโรงพยาบาลแล้วและได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับแพทย์คนดังกล่าวและยืนยันที่จะเอาเรื่องอย่างถึงที่สุด ซึ่งตนก็เข้าใจหากแพทย์เหนื่อยกับการรักษาคนไข้แต่ในวินาทีนั้นเหตุการณ์ชีวิตของหลานสาววัย 2 ขวบ ยังไม่โอเคทำไมถึงต้องให้นำกลับไปดูแลเองและหากเกิดความสูญเสียขึ้นมาจะมีใครออกมารับผิดชอบไหม แต่โชคดีที่มีแพทย์อีกคนเข้ามาตรวจหลานสาวและรับหลานสาวเข้ารับการรักษาและอาการดีขึ้นมามากแล้ว

อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วพร้อมจะได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาตกลงกันต่อไป

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส