คดี แตงโม วันที่ 16 มี.ค. 65 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยังคงเดินหน้าตามหาวงจรปิดริมน้ำเจ้าพระยาต่อ เพื่อไขคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม-นิดา"
ได้กล้องวงจรปิดมา 1 ตัว จากร้านอาหารกระแชงมอญ ติดกับร้านอาหารบ้านตานิด เวลา 20.20 น. โดยในกล้องจะเห็นได้ว่ามีเจ็ตกีอยู่ทั้งหมด 4 ลำ โดยวนรออยู่กลางน้ำ 3 ลำ ส่วนอีก 1 ลำ ขับออกจากท่าน้ำร้านอาหารบ้านตานิด แล้วเรือของแตงโมขับตามออกมา ลักษณะเจ็ตสกีขับนำหน้าเรือของดาราสาวแตงโมออกจากร้านอาหารไป
นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า จากการที่เดินทางมาตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณร้านอาหารบ้านตานิดร้านที่ดาราสาวทานข้าว ปรากฏว่าภายในร้านอาหารไม่มีกล้องวงจรปิด จึงขอความร่วมมือกับร้านอาหารข้าง ๆ โดยการออกหนังสือเป็นทางการมาขอกล้องวงจรปิดดังกล่าวมาเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เห็นพฤติกรรมเจ็ตต้องสงสัยในช่วงเดียวกันกับที่เรือของแตงโม ออกจากท่าเรือร้านอาหาร เวลา 20.20 น.
โดยในกล้องจะเห็นได้ว่ามีเจ็ตสกีอยู่ทั้งหมด 4 ลำ โดยวนรออยู่กลางน้ำ 3 ลำ ส่วนอีก 1 ลำ ขับออกจากท่าน้ำร้านอาหารบ้านตานิด แล้วเรือของแตงโมขับตามออกมา ลักษณะเจ็ตสกีขับนำหน้าเรือของดาราสาว ออกจากร้านอาหารไป รวมทั้งหมดคือ 4 ลำ มีคนไม่ต่ำกว่า 5 คน ตนเองขอแนะนำให้ผู้ที่ขับเจ็ตสกีทั้งหมดไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.นนทบุรี ว่าผ่านมาทำอะไร เกี่ยวข้องกันกับเรือเเตงโมหรือไม่
ส่วนเรือสปีดโบ๊ตสีขาวที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดตรงวัดปรมัยยิกาวาส เวลา 17.23 น. ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ล่าสุดเจ้าของเรือได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.นนทบุรี ว่าไม่เกี่ยวข้อง ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ทำถูกต้องแล้ว เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นคนที่เป็นเจ้าของเรือสปีดโบ๊ตทุกลำในประเทศไทย เชื่อว่ามีไม่กี่ลำที่ลงทะเบียนไว้กับกรมเจ้าท่า ต้องไปลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงตน และต้องพร้อมที่จะนำสปีดโบ๊ตของตัวเองไปตรวจสอบหาคราบเลือดด้วย เบื้องต้นยังเชื่อเหมือนเดิมว่าการเสียชีวิตไม่ใช่อุบัติเหตุ
บนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเจ้าของเรือสปีดโบ๊ตที่ถูกพาดพิง มีการแชร์โพสต์ของ ส.ส.เต้ และคลิปการออกอากาศของอมรินทร์ ทีวี พร้อมกับระบุว่า "ผมขอชี้แจงนะครับเนื่องจากตอนนี้ไปกันใหญ่ละ ออกข่าวทุกช่องเลยเรื่อง "เรือลำที่สอง" -_-" คือวันนั้นผมเอาเรือออกกับเพื่อนลงที่ ท่าเรือ Haven69 ล่องไปถึงวัดกู้ก่อนปทุมครับ ไม่ได้มีการไปทานข้าวอะไรฮะ และก็เข้าเมืองชมไฟครับ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้นครับ
ซึ่งผมก็ล่องเรือในแม่นำ้เจ้าพระยาซึ่งเส้นทางการเดินเรือก็มีเส้น เกาะเกร็ด-ปทุม และ เข้าเมืองชมไฟถึงเอเชียทีคและ iconsiam แต่อาจจะเป็นช่วงเวลาใกล้กันเลยเกิดการเข้าใจผิดกันครับ เวลาลงเรือ จะดูช่วงพระอาทิตย์ตกก็ประมาณ 5 โมงฮะ เป็นเวลาที่เค้าออกกัน เพราะไม่ร้อน และ พอเริ่มมืดก็จะเข้าเมืองเพื่อดูไฟกันครับ ปล. และผมก็เป็นคนไทยเชื้อจีนฮะ ไม่ใช่อาหรับ -_- ผมไม่เกี่ยว 100% ครับ"
วันที่ 16 มี.ค. 65 นายธรรมศักดิ์ เติมจิตรอารีย์ หรือ ต้น เจ้าของเรือสปีดโบ๊ตที่ถูกพูดถึง โดยเป็นเรือสีขาวที่มีลักษณะขับในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเรือของนายปอ ที่มีแตงโมนั่งโดยสารไปด้วย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า จากกรณีที่เรือตนเองถูกพาดพิง โดยนำเรือสีขาว-เทา รุ่นมอนเทอเล่ย์ 225 เป็นเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้น้ำ ไม่ได้เป็นเครื่องยนต์ท้ายเรือเหมือนสปีดโบ๊ตของนายปอไปเชื่อมโยงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนั้น
วันนั้นตนเองนำเรือออกจากอู่เรือฮาเว่น 69 บริเวณนนทบุรี ออกจากอู่เรือเวลา 17.00 น. เศษ ซึ่งเป็นเวลาประจำที่กลุ่มนักเดินเรือมักจะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการออกไปขับเรือเล่น และถ่ายรูปดูพระอาทิตย์ตก รวมถึงแสงไฟยามค่ำคืน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หลังจากที่ตนเองเอาเรือออกจากอู่เรือแล้ว ได้มุ่งหน้าไปที่ปากเกร็ด ไปถ่ายรูปที่วัดกู้ พร้อมกับกลุ่มเพื่อนรวม 5-6 คน และจำได้ว่าช่วงที่เรือของตนเองมุ่งหน้าไปที่ปากเกร็ด เป็นช่วงเวลาก่อนที่เรือของแตงโมจะแล่นมา ห่างกันประมาณ 30 นาที ถ้าดูจากกล้องวงจรปิดแล้วจะสังเกตว่าไม่ได้มีการขับตามกัน เป็นคนละช่วงเวลา
ภายหลังมีการถ่ายรูปดูพระอาทิตย์ตกที่วัดกู้เสร็จแล้ว จำได้ว่าใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็พากันขึ้นมาเข้ามาในเมือง เพื่อที่จะไปถ่ายภาพกับสะพานและแสงสียามค่ำคืน มุ่งหน้าผ่านสะพานพระราม 7 และสะพานพระราม 8 ไปสิ้นสุดที่ไอคอนสยาม โดยถูกนำภาพกล้องวงจรปิดเกี่ยวกับเรือของตนเองมาเชื่อมโยง 2 จุด คือบริเวณสะพานซังฮี้ และบริเวณแถวปากเกร็ด โดยที่ตนเองขอยืนยันว่าเรือแม้จะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยว แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคดีของแตงโม เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว นักเดินเรือมักจะนำเรือออกไปถ่ายภาพชมทัศนียภาพหลายลำเป็นปกติ
ที่สำคัญในการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ว่าในวันนั้นจะด้วยเหตุบังเอิญที่เรือของตนเองนำไปวิ่งในเส้นทางหรือช่วงเวลาใกล้เคียงกับเรือของนายปอ แต่ก็ไม่ได้มีใครทันสังเกตเรือลำอื่น เพราะส่วนใหญ่ต่างใช้ชีวิตบนเรือแบบส่วนตัว ไม่ได้สนใจเรือลำอื่น จึงไม่ได้สังเกตว่าเป็นช่วงที่เรือของนายปอแล่นผ่านหรือไม่ หรือบนเรือมีใครบ้าง เพราะต่างกลุ่มต่างสนุกสนานและเพลินกับการชมทัศนียภาพ
ทั้งนี้ ภายหลังเรือของตนเองถูกนำไปเชื่อมโยงมีการเดินทางไปลงบันทึกประจำวันเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจแล้ว เพื่อให้สังคมรู้ว่าเป็นเรือคนละลำ ไม่ได้มีการสะกดรอยตามที่ถูกกล่าวหา และการที่ตนเองถูก ส.ส.เต้ นำรูปภาพเรือไปเชื่อมโยง ตนเองก็ไม่ได้โกรธ หรือจะมีการฟ้องดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นการทำหน้าที่ในการตั้งข้อสังเกตและหาคำตอบให้กับคดี เมื่อตนเองถูกพาดพิงก็เพียงแค่ออกมาชี้แจง
อย่างไรก็ตาม กรณีเรือเจ็ตสกีอีก 2 ลำ ที่ถูก ส.ส.เต้ นำวงจรปิดมาเผยแพร่บริเวณหน้าร้านอาหารย่านปทุมธานี คาดการณ์ว่าอาจเป็นกระบวนการจัดฉากหรือร่วมในคดีของนางสาวแตงโมตกน้ำนั้น ส่วนตัวมองด้วยใจเป็นธรรมว่าในช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีเรือเจ็ตสกีและเรือสปีดโบ๊ต รวมทั้งเรือส่วนตัวหลายลำในช่วงเวลาที่ใกล้เคียง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะลงเรือเพื่อดูทัศนียภาพพระอาทิตย์ตก รวมทั้งแวะทานอาหาร ทุกอย่างก็เป็นเรื่องปกติของคนเดินเรือ ไม่ได้มีอะไรแปลก จึงเชื่อว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ไปปรากฏอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ทีมข่าวเดินทางไปที่อู่เรือฮาเวน 69 ซึ่งเป็นอู่เรือขึ้นลงของเรือสปีดโบ๊ตลำสีขาว ข้อมูลจากพนักงานของอู่ ยืนยันว่า ในวันที่ 24 ก.พ. ได้มีการลากเรือออกจากอู่ลงไปผูกเอาไว้ที่ท่าน้ำ ช่วงก่อนเวลา 17.00 น. จากนั้นนายธรรมศักดิ์ พร้อมด้วยเพื่อนได้เดินทางมาลงเรือ และนำเรือไปใช้งานจริง แต่ไม่รู้ว่าใช้ในเส้นทางไหนบ้าง เพราะเนื่องจากทำหน้าที่เฉพาะลากเรือขึ้นลงให้เท่านั้น จากนั้นจำได้ว่าเป็นช่วงวันที่ 25 ก.พ. เวลาหลังเที่ยงคืน เรือได้นำมาผูกเอาไว้ที่จุดเดิมที่มีการลากลงไปให้ เจ้าหน้าที่และพนักงานภายในอู่เรือก็ได้มีการเก็บขึ้นมาตามปกติ
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามบริเวณอู่เรือ อยู่ในช่วงสะพานเจษฎาบดินทร์ กับสะพานพระราม 5 กล้องวงจรปิดตัวดังกล่าว จะเห็นเฉพาะช่วงที่เรือของนายธรรมศักดิ์วิ่งผ่านขึ้นมา หลังจากไปชมพระอาทิตย์ตกที่บริเวณปากเกร็ด ผ่านขึ้นมาในช่วงเวลาประมาณ 19.36 น. (เวลาช้ากว่าเวลาจริง 10 นาที) โดยเป็นการขับลักษณะช้า ๆ มุ่งหน้าไปที่พระราม 7 และปลายทางอยู่ที่ไอคอนสยาม
เวลากล้องประมาณ 21.22 น. ห่างจากเวลาเรือของนายธรรมศักดิ์ผ่านกล้องตัวดังกล่าว 2 ชั่วโมง 30 นาที จะเห็นเรือของนายปอ ที่มีแตงโมนั่งโดยสารมาด้วย แล่นผ่านตามหลัง เมื่อย้อนดูก่อนหน้าที่เรือสปีดโบ๊ตของนายปอจะผ่านกล้องล่วงหน้าประมาณ 15 นาที ดูหลังจากที่เรือของนายปอแล่นผ่านอีก 15 นาที เพื่อดูว่าก่อนหน้ามีเรืออะไรขับนำและเรืออะไรขับตาม เห็นเพียงแค่เรือของนายปอแล่นผ่าน และทิ้งห่างไม่นานก็จะเห็นเรือกำปั่นแล่นผ่านตามหลังมา จากนั้นก็จะเห็นว่าไม่มีเรือเล็กใช้เส้นทางสัญจร จะมีเพียงเรือลากจุงที่มีพ่วงสินค้าต่อท้ายผ่านเท่านั้น
จากกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าว หากเป็นไปตามที่ ส.ส.เต้ ตั้งข้อสังเกตว่ามีเรือเจ็ตสกี 3-4 ลำ มีการออกตัวขับนำ ออกจากร้านอาหารย่านปทุมธานี กล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวก็จะเห็นว่ามีเรือแล่นผ่านก่อนหรือหลัง ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียดของทีมข่าว ไม่พบว่ามีเจ็ตสกีขับนำหรือตามเรือสปีดโบ๊ตของนายปอแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไฮโซปอ และ โรเบิร์ต ปักกลดนั่งสมาธิ อุทิศบุญกุศลให้ แตงโม ทั้งคืน
- ตำรวจภูธรภาค 1 แจงยิบ การชันสูตรศพ แตงโม รอบ 2 ไม่มีการเตะถ่วง
- นักอนุรักษ์คนดัง โพสต์ สถานปฏิบัติธรรม วิโมกสิวาลัย ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักพุทธฯ ?