กรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3" โพสต์ข้อความว่า "รับงานมาทำร้ายคนแก่...คดียังไม่มีความชัดเจน...ผู้เสียหายยังต้องเจอกับกลุ่มคนที่จะมาทำร้าย ผกก.สน.จักรวรรดิ ช่วยดูแลคดีให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายได้คลายกังวลด้วย ตอนแรกคิดว่าจะไม่โพสต์ แต่ตอนนี้มันทนไม่ได้จริงกับสิ่งที่เจอ ผมจึงออกมาโพสเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง เรื่องมีอยู่ว่าวันที่ 24/02/65 ผมไปส่งแม่ ที่ตลาดสำเพ็ง ซึ่งเป็นประจำอยู่แล้ว และวันเกิดเหตุผมกำลังกลับบ้าน ได้มีผู้ชายอ้วน ฝั่งตรงข้ามร้านแม่ ตะโกนถามผมเข้ามาในรถ ว่ามองหน้ามีอะไรรึป่าว ผมลดกระจกลง ผมบอกผมไม่ได้มอง แล้วก็ไม่มีอะไรด้วย
สักพักก็ได้มีผู้ชาย 2 คน ที่อยู่ใกล้ ๆ วิ่งมาทุบรถ แล้วเปิดประตูฝั่งที่แฟนผมนั่ง แม่ผมวิ่งมาห้าม และโดนพวกนั้นผลัก ผมเลยลงจากรถ แล้วบอกพวกนั้นว่าไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเค้าเลย ผมคุยกับชายอ้วนจบแล้ว แต่พวกนั้น ไม่ยอมหยุด บอกว่าพวกเดียวกันกับชายอ้วน จะเข้ามารุมผมอย่างเดียว แม่ผมก็มาขว้าง พวกมันก็ผลักแม่จนล้ม กระชากแฟนผม ผมก็โดนรุม ตามในคลิปเลยครับ"
ล่าสุดวันที่ 17 มี.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พบกับ นายจุ้ย และนายพ้ง พ่อค้าขายกระเป๋า กล่าวว่า ตนรับช่วงขายของต่อจากรุ่นแม่มานานกว่า 10 ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เริ่มจากคู่กรณีขับรถมาส่งแม่ของเขา ระหว่างเดินมาก็มองหน้าตนแบบไม่ได้เป็นมิตร เพราะตนตั้งร้านอยู่ตรงข้าม ตนจึงมองกลับและก็มองกันไปมา และคู่กรณีก็ขึ้นรถไป ก่อนที่เขาจะลดกระจกถามตนว่า “มองหน้า มีปัญหาอะไรรึป่าว” ตนจึงตอบว่า “ก็เห็นพี่มอง ผมก็มองกลับ” คู่กรณีกลับด่าตนว่า “โถ่กระจอก นึกว่าจะแน่ ไอ้ลูกกระ_”
หลังจากนั้น แม่ของเขาก็เข้ามาห้าม แต่คู่กรณีกลับพูดว่า “ไม่มีอะไรแม่ นึกว่ามันจะแน่ โถ่กระจอก” ตนรู้สึกไม่โอเค แต่ตนก็ทำเฉย ๆ ไม่โต้ตอบอะไร ปล่อยให้คู่กรณีด่าไป ตนก็ตั้งร้านเพื่อเตรียมขายของต่อ ก่อนจะเห็นคู่กรณีเดินขึ้นรถ จากนั้นตนคาดว่านายชวน และนายไก่ ซึ่งเป็นเพื่อนของตน ได้ยินและคงไม่พอใจ จึงพยายามเคาะกระจกเรียกให้คู่กรณีลงมาคุย และถามว่า “มีปัญหาอะไรกัน ทำไมมาด่าแบบนี้ มันไม่ถูก คุยกันดี ๆ ก็ได้”
ปรากฏว่าคู่กรณีก็ลงรถมาอีกรอบ และมีปากเสียงกัน เพราะเข้าใจผิดว่านายชวน ไปทุบรถเขา ในคลิปก็ไม่มีการเข้าไปทุบรถ ส่วนแม่ของคู่กรณีก็ผลักเพื่อนของตน 2 คน จนนายไก่สร้อยทองหนัก 2 สลึงขาด เป็นเหตุให้ทะเลาะกัน แต่ตนยืนยันว่าไม่มีใครคิดจะทำร้ายแม่ของเขา นาทีนั้นคู่กรณีพูดท้าทายด้วยว่า “มึงตัวต่อตัวกับกูไหม” เพื่อนของตนก็บอกว่า “เอาดิ ตัวต่อตัว”
ทั้งนี้ สิ่งที่ตนอยากจะชี้แจง คือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการทำร้ายคนแก่ แต่ต่างคนต่างสมัครใจชกต่อยกัน เพื่อนตนก็ปากแตก ร่างกายฟกซ้ำ ต่างฝ่ายต่างไปตรวจร่างกาย ส่วนการโพสต์กล่าวหาว่าพวกตนไปจ้างคน 10,000 บาท ให้มาทำร้าย ตนขอชี้แจงว่าตนขายของที่แผง ส่วนนายพ้ง น้องชายตนรับจ้างตั้งร้านในตลาด ก็อยากจะถามว่าจะเอาเงิน 10,000 บาท จากไหนไปจ้างคน ขอให้ดูคลิปเต็ม ๆ เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างเลย
“ผมก็ขายของปกติ จากวันนั้นก็ไม่มีใครไปทำอะไรให้อีกฝ่าย ลูกชายป้าก็มาส่งป้าปกติทุกวัน ต่างคนต่างอยู่ แต่การโพสต์คลิปเห็นหน้าร้าน เห็นรูปของผมมันชัดเจนมาก จึงปรึกษาทนายและตำรวจว่าจะเอาผิดอะไรได้บ้าง” นายจุ้ย กล่าวทิ้งท้าย
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้วิดีโอคลอพูดคุยกับนายกร อายุ 29 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ในวันที่เกิดเหตุตนได้เดินทางไปส่งแม่ตามปกติ เมื่อมาถึงแผงค้าของตัวเองมีชายรูปร่างอ้วน ทราบภายหลังว่า คือ นายจุ้ย ตะโกนสอบถามตนว่า “มองหน้ามีเรื่องอะไรรึเปล่า” ตนจึงลดกระจกออกไปตอบว่า “ผมไม่ได้มอง และผมก็ไม่ได้มีอะไรด้วย” ตนยืนยันว่าไม่ได้หาเรื่องก่อน หลังจากนั้นตนได้ลงจากรถเก๋งไปหานายจุ้ย เพื่อเคลียร์กันให้จบ คุยกันสักพักนายจุ้ยก็บอกว่า “ไม่มีอะไรแล้ว ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน” ก่อนที่ตนจะกลับขึ้นรถ ตนยืนยันว่าไม่ได้ด่าคู่กรณีด้วยคำหยาบแม้แต่คำเดียว
หลังจากนั้นมีชายรูปร่างผอม 2 คน เดินมาที่บริเวณฝั่งซ้ายก่อนจะทุบประตูรถ ดึงแขนแฟนสาวของตนลงจากรถ แม่ของตนได้เข้าไปห้าม แต่ถูกผลักจนล้มลงกับพื้น ตนจึงรีบลงจากรถตะโกนว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกคุณเลย ผมคุยกับอ้วนจบไปแล้ว และไม่มีปัญหากันด้วย” ชายรูปร่างผอมจึงตอบว่า “แล้วจะทำไมกับกู พวกเดียวกัน” ก่อนที่จะปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายตน จากนั้นเหตุการณ์ก็ชุลมุนวุ่นวายตามที่ปรากฏในคลิปกล้องวงจรปิด ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บทั้งบริเวณเบ้าตาขวา และร่างกายฟกช้ำ ส่วนสาเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกายตนไม่ทราบ หากได้พบเจอกับคู่กรณีอีกครั้งตนอยากจะให้คู่กรณีพูดความจริง นอกจากนี้ ตนขอชี้แจงว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน ส่วนจะเป็นเรื่องขายของหรือไม่ น่าจะไม่ใช่เพราะขายของต่างชนิดกัน
นอกจากนี้ หลังจากเกิดเหตุในวันที่ 13 มีนาคม 65 แม่ของตน ได้เล่าให้ฟังว่า มีชายคนหนึ่งได้เดินตามไปที่ห้องน้ำ พร้อมกับยกมือไหว้และขอโทษ อ้างว่าคู่กรณีได้จ้างวานให้มาทำร้ายร่างกายด้วยเงิน จำนวน 10,000 บาท แต่เขาไม่สามารถทำร้ายร่างกายได้ เนื่องจากเห็นว่าแม่ของตนแก่แล้ว ส่วนตัวแล้วไม่ทราบลักษณะรูปพรรณสันฐานของชายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ต้องการคำขอโทษ และไม่ต้องการเงินเยียวยา นอกจากนี้ ตนยอมรับว่าหวาดกลัวว่า กลุ่มของคู่กรณีจะส่งคนมาทำร้ายร่างกายอีกหรือไม่