จากกรณี ร.ต.อ.ณฐนนท์ เพ็งสิน รองสว.(สอบสวน) สภ.เขลางค์นคร อ.เมือง จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุคนผูกคอตาย ที่บริเวณไร่มันสำปะหลัง ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง ข้างลำห้วยป่าดำ พบศพนายจรัญฐาธีนากร วงผาบุตร อายุ 23 ปี และ น.ส.ทิพวรรณ สิมโสม อายุ 23 ปี ภรรยา ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ใช้เชือกผูกคอตายกับต้นไม้ด้วยเชือกเส้นเดียวกัน เบื้องต้น ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย
วันที่ 31 ม.ค. 62
นายสุริยา พุดตาล พ่อผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนเองทำงานเก็บมันสำปะหลังอยู่ที่ไร่ ก็ยังเห็นลูกชายทำไร่ปกติ จนตนเองออกไปทำธุระข้างนอก ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. จนมาช่วงเย็น ภรรยาตนเองได้โทรศัพท์มาหา และถามว่าเห็นลูกชายกับลูกสะใภ้หรือไม่ ตนก็บอกว่าไม่เห็น หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อทั้งคู่ได้ ตนเองออกตามหาก็ไม่พบ
กระทั่ง วันที่ 30 ม.ค. ภรรยาตนโทรศัพท์มาบอกว่าเจอศพลูกแล้ว ตนจึงเข้าไปดูศพ เมื่อเห็นก็เข่าแทบทรุด ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่มีเหตุผลหรือแรงจูงใจ ทั้งนี้แม้ว่าผู้ตายจะมีปัญหาเรื่องหนี้สินบ้าง แต่เงินที่กำลังจะได้จากการเก็บมันสำปะหลัง ก็ได้เยอะกว่าอีกหลายเท่า ส่วนเรื่องทะเลาะวิวาทก็เป็นไปได้ เนื่องจากผู้ตายก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร และรักกันดีกับพี่น้อง
โดยก่อนเกิดเรื่อง ลูกชายและลูกสะใภ้เพิ่งจะออกไปอยู่บ้านเช่าได้ 4 - 5 วันเท่านั้น ทั้งคู่รักกันดีมาก ช่วยกันเลี้ยงลูกชายวัย 1 - 2 ขวบ ตนจึงไม่คิดว่าจะมาจากไปเร็วแบบนี้
ขณะที่
นางเพชรา วงผาบุตร แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ลูกชายเข้ามาพักที่บ้านตอนช่วงบ่าย ไม่นานก็ชวนภรรยาไปซื้อนม ซื้อผ้าอ้อมลูก และลูกชายก็ขับรถออกไปโดยไม่ใส่เสื้อ โดยหลังจากนั้นตนก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้อีก แต่ตนเองเห็นภาพขึ้นมาในหัวตลอด ที่บริเวณบ่อดินหลังไร่ เห็นหลายครั้ง จึงตัดสินใจชวนญาติไปหาที่บริเวณดังกล่าว ปรากฎว่าพบกระบะของลูกชายจอดอยู่ ข้าวของที่บอกว่าจะไปซื้อนมก็ไม่เห็น เห็นแต่กระเป๋าสตางค์ของลูกชายที่ภายในมีเพียงบัตรประชาชนเท่านั้น
จากนั้น ตนเดินหาจนทั่วก็ไม่พบลูกชาย กระทั่งต้องกลับมาที่บ้านญาติ เพื่อทำพิธีจุดธูปขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาเปิดทางตามความเชื่อ และกลับเข้าไปหาอีกครั้ง จึงพบว่ามีร่างลูกชายห้อยอยู่กับลูกสะใภ้ ตอนนั้นตนทำอะไรไม่ถูก ช็อกและร้องไห้จนแทบจะเป็นลม ซึ่งสภาพศพของลูกชาย พบว่าที่ขามีรอยฟกช้ำ เหมือนถูกของแข็งตี เปลือกตามีเม็ดเลือดเกาะอยู่ และขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่
นางเพชรา กล่าวต่อว่า ตนยอมรับว่า ลูกชายเคยมีพฤติกรรมเสพยามาก่อน แต่เมื่อเดือนที่แล้วลูกได้นำดอกไม้มาขอขมาพ่อกับแม่แล้ว และสัญญาว่าจะเลิก แต่เมื่อช่วง 2 - 3 วันก่อน ลูกชายมีอาการแปลก ๆ อาการเหมือนกับคนเสพยา ซึ่งแพทย์แจ้งว่าทั้งลูกชายและลูกสะใภ้มีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งตนก็ไม่เชื่อว่าลูกสะใภ้จะเสพยา เพราะเพิ่งคลอดลูก ต้องให้นมลูก
อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) ผลชันสูตรของลูกชายก็จะออกแล้ว ไม่ว่าผลออกมาอย่างไรตนก็พร้อมรับ และจะนำร่างลูกชายมาบำเพ็ญกุศลที่วัดใกล้บ้าน ส่วนลูกสะใภ้ ต้องรอญาติที่มาจากต่างจังหวัดมาดูอีกครั้ง ยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ได้ผู้คอตายเอง เพราะหากคนผูกคอตายเองจริง ก็จะต้องมีรอดินที่เท้า แต่ศพของลูกชายและลูกสะใภ้ตนไม่มี จึงคาดว่ามีคนจี้และพามาแขวนคอ