ไบเดน หารือ สี จิ้นผิง เกือบ 2 ชม. เผยผลที่จะตามมา หากจีนช่วยเหลือ รัสเซีย ในการโจมตี ยูเครน ด้านผู้นำจีน เตือนปมไต้หวัน หากจัดการไม่ดีจะกระทบสัมพันธ์
วันที่ 19 มี.ค.65 ภายหลังการหารือระหว่างโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ผ่านระบบวิดีโอเป็นเวลา 110 นาที เมื่อวันศุกร์ (18 มี.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการพูดคุยถึงประเด็นสำคัญอย่างสงครามรัสเซีย ยูเครนนั้น
เจน ปาสกี โฆษกทำเนียบข่าว เปิดเผยว่าในหารือดังกล่าว ประธานาธิบดีไบเดน ได้ให้อธิบายรายละเอียดต่อผู้นำจีนถึงความซับซ้อนและผลที่ตามมา หากจีนให้การสนับสนุนอุปกรณ์แก่รัสเซีย เพื่อใช้ในการโจมตีเมืองและพลเมืองชาวยูเครน ระบุ "สหรัฐฯ และทั่วโลกกำลังจับตามองอยู่" อย่างไรก็ดีไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า "ผลที่ตามมา" นั้นคืออะไร
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่า อะไรคือมาตรการที่ประธานาธิบดีไบเดนเตรียมใช้เพื่อเกลี้ยกล่อมไม่ให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ความช่วยเหลือแก่รัสเซีย โดยกำลังอยู่ระหว่างหารือว่าอาจใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรด้วย
โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยต่อว่า เป้าหมายส่วนหนึ่งในการหารือครั้งนี้ของประธานาธิบดีไบเดน มีเพื่อยืนยันถึงจุดยืนที่ชัดเจนของผู้นำจีนต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยไม่ได้มีข้อเรียกร้องที่เฉพาะเจาะจงต่อจีน แต่เป็นการเสนอมุมมองที่กว้างขึ้นถึงสถานการณ์ในระดับนานาชาติ
"จีนจะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตนเอง ว่าจุดยืนของพวกเขาคืออะไร และพวกเขาต้องการถูกจดจำในประวัติศาตร์อย่างไร" โฆษกทำเนียบขาว กล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และจีน จะหารือกันอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนที่จะหารือถึงบทบาทของจีน ร่วมกับผู้นำชาติตะวันตกอื่นๆ ในการประชุมนาโต ในสัปดาห์หน้าที่กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม
ขณะที่ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐฯ ไม่เพียงต้องชี้นำความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เดินบนทิศทางที่ถูกต้อง แต่ยังต้องแบกรับความรับผิดชอบและพันธกิจระหว่างประเทศเพื่อสันติภาพและความสงบสุขของโลกด้วย ภูมิทัศน์ระหว่างประเทศเกิดพัฒนาการสำคัญใหม่ๆ นับตั้งแต่การประชุมออนไลน์ระหว่างผู้นำทั้งสองครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ย.64
สี จิ้นผิง ระบุว่ากระแสสันติภาพและการพัฒนา กำลังเผชิญความท้าทายร้ายแรง และโลกไม่ได้สงบสุขหรือมั่นคง ระบุ “วิกฤตยูเครนไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น”
ประธานาธิบดีจีน ชี้ว่า วิกฤตดังกล่าวแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าประเทศต่างๆ ไม่ควรใช้การสู้รบแก้ปัญหา ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าไม่ได้เป็นประโยชน์กับใคร สันติภาพและความมั่นคงคือสิ่งที่ประชาคมนานาชาติควรรักษาไว้มากที่สุด
“ด้วยฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก เราไม่เพียงต้องชี้นำความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้เดินหน้าบนเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ยังต้องแบกรับความรับผิดชอบและพันธกิจระหว่างประเทศเพื่อสันติภาพและความสงบสุขของโลกด้วย” สี จิ้นผิง กล่าว
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า สี จิ้นผิง ได้คุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในกรณีไต้หวันด้วยว่า บางคนในสหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณผิดๆ ไปยังกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวัน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง หากประเด็นไต้หวันไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม จะเกิดผลทางลบที่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ
ขณะที่ทำเนียบขาว แถลงถึงกรณีนี้ว่า ไบเดนได้ย้ำกับสี จิ้นผิงว่า นโยบายสหรัฐฯ ในประเด็นไต้หวันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยย้ำว่ารัฐบาลวอชิงตัน "ยังคงคัดค้านการเปลี่ยนแปลงทางสถานภาพปัจจุบันแต่เพียงฝ่ายเดียว"
ทั้งนี้การหารือของผู้นำ 2 ชาติมหาอำนาจ มีขึ้นหลังสหรัฐฯ เตือนพันธมิตรชาติตะวันตกและเอเชียว่า ถึงความกังวลว่า จีนอาจสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารและความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ หลังรัสเซียได้ขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลปักกิ่ง
ภาพ - AFP ซินหัว อ้างอิง - xinhuathai / cnn / aljazeera
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จับตา ไบเดน ต่อสาย สี จิ้นผิง หารือประเด็น สงครามรัสเซีย ยูเครน วันนี้ (18 มี.ค.65)
- สงครามรัสเซีย ยูเครน ตุรกี หวังจัดประชุม เซเลนสกี - ปูติน สหรัฐฯระงับความสัมพันธ์การค้า รัสเซีย
- สงครามรัสเซีย ยูเครน เซเลนสกี โวยนโยบายเปิดประตูของนาโตใช้ไม่ได้ผล