เปิดพิกัดเขากระโจม มีอะไรดีพระอุเทนต้องพาปอไป อมรินทร์ลุยดูติดพม่ามีแค่ไม้กั้น (คลิป)

20 มี.ค. 65

 จากกรณี "ปอ ตนุภัทร" และ "โรเบิร์ต" ผู้ต้องหาคดีแตงโม-นิดา ดาราสาวตกเรือเสียชีวิต ไปบวชพราหมณ์กับหลวงพี่อุเทน เจ้าอาวาสาวัดท่าไม้ จ.นนทบุรี ซึ่งจากข้อมูลผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาระบุว่าไม่ใช่ตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง ก่อนจะถือศีลที่ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย สถานที่ปฏิบัติธรรมใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสาขาของวัดท่าไม้

439505

ทีมข่าวได้เดินทางย้อนกลับไปที่สำนักสงฆ์สุทธิธรรมรังษี เชิงเขากระโจม จุดที่พระอาจารย์อุเทน ได้นำปอและโรเบิร์ตทำพิธีไหว้พระปลดปล่อยวิญญาณในกองฟอน ก่อนเดินธุดงค์ในคืน วันที่ 17 มีนาคม2565 และถูกตำรวจ ตชด. เชิญลงจากเขากระโจมจนมีประเด็นต้องเรียกสื่อแถลงข่าวว่าถูกตำรวจคุกคาม ทั้งที่ตำรวจชี้แจงว่าทำตามหน้าที่อย่างถูกต้องนั้น

วันนี้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ทหารจากชุดเฉพาะกิจ ทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ จ.ราชบุรี ได้พาทีมข่าวขึ้นรถโฟวิล 4X4 และรถทหาร ขึ้นเขากระโจมไปสำรวจเส้นทางของการเดินธุดงค์ โดยทีมข่าวเริ่มต้นการเดินทางจากที่สำนักสงฆ์สุทธิธรรมรังษี เชิงเขากระโจม ซึ่งจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงบริเวณยอดเขากระโจม เจอกับด่านตรวจของตำรวจ ตชด. จำนวน 4 จุด

747279

โดยจุดที่ 1 ที่ทีมข่าวลงไปสำรวจ เรียกว่า "จุดต้นไทร" มีลักษณะเป็นป้อมเล็กอยู่ข้างทาง มีไม้กั้นสีขาวแดงกั้นปิดทางไว้เพื่อตรวจ คนเข้าออก เส้นทางขึ้นลงเขากระโจม จุดนี้จะอยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นที่สำนักสงฆ์สุทธิธรรมรังษี ประมาณ 1 กิโลเมตร และเป็นจุดที่มีคลิปภาพออกมาในคืนวันที่คณะพระอาจารย์อุเทนออกเดินธุดงค์

183668

จากนั้นผ่านศาลเจ้าพ่อเขาคอด และมีหน้าผาเรียกว่า "ผาเขาคอด" อยู่ห่างจากจุดแรกประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่คณะธุดงค์ของพระอาจารย์อุเทน ปอ และโรเบิร์ต เดินทางไปถึงก่อนเจ้าหน้าที่จะเชิญลงจากเขาในคืนวันเกิดเหตุ ต้องผ่านศาลเจ้าพ่อเขาคอด ก่อนจะเดินทางต่อไปจุดอื่น ๆ เนื่องจากศาลแห่งนี้เป็นศาลที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่กราบเคารพบูชา จุดนี้ทางจะ ค่อนข้างลำบาก

764017

ส่วนจุดที่ 2 "จุดดาวเรือง" อยู่ห่างจากศาลเจ้าพ่อเขาคอด ประมาณ 3 กิโลเมตร มีค่ายทหารชุดเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ และค่ายตำรวจ ตชด.137 จุดตรวจน้ำตกผาแดงเฝ้าจุดนี้ร่วมกัน จุดนี้จะเป็นจุดสิ้นสุดความรับผิดชอบของกองกำลังทหาร หากเดินทางต่อไปยังจุดที่ 3 และ 4 ต้องเดินทางผ่านน้ำไปด้วยความจากลำบาก

360115

สำหรับจุดที่ 3 "จุด 1030" ห่างจากจุดที่ 2 ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งจุดนี้จะเป็นฐานของตำรวจ ตชด. ที่อยู่ใต้ฐานของทหารพม่า ห้ามบุคคลภายนอกผ่านเข้าออกเด็ดขาด

256797

ส่วนจุดสุดท้าย จุดที่ 4 "จุดเนินพันธุ์" อยู่ห่างจากจุด 1030 ประมาณ 2 กิโลเมตร จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่อยู่ใกล้กับชายแดน ไทย-พม่า มากที่สุด เรียกว่าฐาน ตชด.137 เขากระโจมสุดแดนตระวันตก หรือสุดเขตประเทศไทยเขากระโจม จุดดังกล่าวจะมีที่พักของตำรวจ ตชด. มีห้องน้ำไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มากางเต็นท์ ทมีองค์พระพุทธรูปหลายปรางค์ประดิษฐานอยู่ใกล้กับบานจอด เฮลิคอปเตอร์ และมองไปเห็นฝั่งประเทศพม่าได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญ จุดนี้คาดว่าจะเป็นจุดที่คณะธุดงค์ของพระอาจารย์อุเทน ปอ และโรเบิร์ต จะเดินธุดงค์ขึ้นมาปักกลด

785344

เมื่อทีมข่าวสำรวจดูรอบพื้นที่ เดินไปประมาณ 300 เมตร จะไปเจอช่องทางธรรมชาติ ที่เจ้าหน้าที่ติดป้ายเอาไว้ว่าห้ามเข้าเด็ดขาด โดยจุดนี้หากเดินข้ามไปไม่ถึงกิโลเมตร จะถึงเนินที่เรียกว่า "เนิน 1260" ที่เป็นฐานตำรวจ ตชด.เก่า และเป็นพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน โดยหากผ่านเข้าไปจะไปถึงจังหวัดทวาย ประเทศเมียนมา หรือพม่า

322147

สำหรับทีมข่าวใช้เวลาในการเดินทางไปกลับทั้งหมด 3 ชั่วโมง เดินทางขาขึ้น 10 กิโลเมตร ประมาณ 12 กิโลเมตร มีความสูง 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล

275099

ลุงดำ ชาวบ้าน ที่พาทีมข่าวขึ้นไปสำรวจเขากระโจม บอกว่า คืนวันเกิดเหตุที่ทางเจ้าหน้าที่ ตชด. เชิญคณะของพระอาจารย์อุเทนลงจากเขาคือจุดศาลเจ้าพ่อเขาคอด ซึ่งวันนั้นคาดว่าพระอาจารย์อุเทนจะพาคณะธุดงค์ขึ้นไปปักกลดที่เนินพันธุ์ เป็นจุดสูงสุดที่มีองค์พระประธานประดิษฐานอยู่ บนเขากระโจมแห่งนี้ยอมรับว่าพระอาจารย์อุเทนเคยพาลูกศิษย์ขึ้นไปเดินธุดงค์จริง แต่ไปในเวลากลางวัน เข้าถึงเย็น เพราะการปักกลดค้างคืนต้องขออนุญาตกับทางเจ้าหน้าที่ก่อน ซึ่งเขากระโจมจะเปิดให้ขึ้นเขาได้ ในเวลา 04.00-20.00 น. แต่วันเกิดเหตุพระอาจารย์อุเทนพาคณะขึ้นไปผิดเวลา มีการขออนุญาตขึ้นไปบนเขาจริง แต่ขออนุญาตขึ้นในเวลา 16.00 น. และไม่ได้แจ้งว่าจะค้างคืน ถือว่าผิดเวลาตามที่ขออนุญาตเอาไว้

ส่วนตัวมองว่าการขึ้นเขาในยามวิกาลเป็นการขึ้นเขาที่ผิดจากเดิมที่พระอาจารย์อุเทนเคยพาลูกศิษย์ขึ้นไปเดินธุดงค์ ตอนนี้ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในคืนนั้น เนื่องจากปกติแล้วหากไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจะมีนักท่องเที่ยวมาจ้างรถคนในพื้นที่ขึ้นเขา ทั้งวันในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด นักขัตฤกษ์ ซึ่งวันนี้ตลอดทั้งวันไม่มีใครมาจ้างขึ้นไปส่งบนเขาเลย ปกติแล้วช่วงเวลาที่พาทีมข่าวขึ้นไปสำรวจจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาปักหลักกางเต็นท์บนยอดเขากันเต็มพื้นที่ วันนี้ทั้งวันมีแต่นักท่องเที่ยวโทรมาถามว่าเขากระโจมขึ้นไปค้างคืนได้หรือไม่ และเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ขึ้นไปหรือไม่เท่านั้น

415340

นายศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์ข้อความระบุว่า ศรีสุวรรณร้อง มส.-สำนักพุทธฯสอบพระอุเทนเลี่ยงบาลีบวชพราหมณ์ให้ผู้ต้องหาในคดีอาญาเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้สมาคมฯได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคม(มส.) ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กรณีพระอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ได้ทำการบวชพราหมณ์ให้กับ 2 ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้นั้น มีเจตนาที่จะเลี่ยงบาลี ที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 17 พ.ศ.2536 หรือไม่

ทั้งนี้ ข้ออ้างที่ว่ามิใช่เป็นการบวชพระแต่เป็นแค่การบวชพราหมณ์นั้น ไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากการบวชพราหมณ์เป็นกิจของศาสนาพราหมณ์ ที่กำหนดไว้ว่าการบวชสามารถกระทำได้ในวันเดียวในรอบปี คือวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 4 เท่านั้น และห้ามโกนผม โกนคิ้ว ที่สำคัญผู้บวชจะต้องมีเชื้อสายพราหมณ์ โดยบรรพบุรุษจะต้องบวชพราหมณ์สืบเนื่องอย่างไม่ขาดสายคือพ่อจะต้องบวชพราหมณ์ ลูกจึงจะบวชพราหมณ์ได้ โดยจะต้องเรียนท่องบทสวดคัมภีร์ของพราหมณ์ให้ได้ก่อนถึงวันบวช เมื่อบวชพราหมณ์แล้วจะต้องถือเพศเป็นพราหมณ์ ครองผ้าขาวตลอดชีวิต ลาสิกขาจากเพศพราหมณ์ไม่ได้จนสิ้นอายุขัย หรือเสียชีวิตก่อนวัยด้วยเหตุต่างๆ เท่านั้น
การที่เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ แสร้งบวชพราหมณ์ให้กับ 2 ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา แต่กลับมีวัตรปฏิบัติดั่งเช่นนักบวชในพุทธศาสนา เช่น การปลงผม โกนคิ้ว นั่งกรรมฐาน เดินธุดงค์ ถือกรดสะพายบารต แถมยังมีการนำไปทำพิธีแก้กรรมปลดปล่อยวิญญาณกลางสุสานอีกด้วยนั้น ไม่ใช่ลักษณะของนักบวชในศาสนาพราหมณ์ 100% หากแต่น่าจะเป็นเล่ห์ฉลหรือการเลี่ยงบาลี เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา นำไปประกอบในการใช้ต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อขอลดหย่อนโทษทางอาญาหากศาลพิพากษาว่ามีความผิดเท่านั้น

923746

การกระทำของเจ้าอาวาสวัดท่าไม้ จึงไม่น่าจะเป็นกิจของสงฆ์ ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก หรือในพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎกแต่อย่างใด หากแต่น่าจะเป็นการเลี่ยงบาลีที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 17 พ.ศ.2536 ข้อ 14 ที่บัญญัติห้ามพระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการอุปสมบทแก่คนต้องห้าม อาทิ คนทำผิดหลบหนีคดีอาญาแผ่นดิน คนต้องหาในคดีอาญา เป็นต้น

เพื่อเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนามิให้ถูกอลัชชีนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้มีคำร้องไปยังมหาเถรสมาคม(มส.) ผ่าน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ขอให้ดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าว ว่าเป็นการดำเนินการที่อยู่ในพระธรรมวินัยหรือกิจของสงฆ์ในพระพุทธศาสนาหรือไม่ และเป็นการเลี่ยงบาลีที่จะปฏิบัติตามกฎของมหาเถรสมาคมหรือไม่ หากพบว่าเป็นความผิดให้ดำเนินการลงโทษตามพระธรรมวินัยขั้นสูงสุดต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม