กรณีเด็กชายรายหนึ่งร้องเรียนผ่านโซเชียล ระบุว่าหนูที่เลี้ยงไว้กว่า 100 ตัว ตายไป 30 ตัว เพราะข้างบ้านจัดงานบวชเปิดเพลงเสียงดังนั้น
วันที่ 21 มี.ค. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ อ.สามพราน จ.นครปฐม พบเป็นบ้านทาวเฮาส์ 1 ชั้น ด.ช.ธนกฤต บัวยอด หรือ น้องนุ๊กเกอร์ อายุ 11 ปี ผู้เสียหาย นำทีมข่าวเข้าไปดูในบ้าน กั้นห้องไว้เลี้ยงหนูไว้เกือบ 200 ตัว ประกอบด้วยหนูดัมโบ้ 180 ตัว หนูไจแอนท์ และหนูฮิปโป
โดยหนูตายไป 33 ตัว ประกอบด้วย หนูดัมโบ้ 28 ตัว ราคาตัวใหญ่ตัวละ 450 บาท ตัวเล็กราคา 150-200 บาท หนูไจแอนท์ตายไป 3 ตัว ราคาตัวละ 450 บาท และหนูฮิปโปตายไป 2 ตัว ราคาตัวละ 3,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหาย 13,785 บาท
น้องนุ๊กเกอร์ เล่าว่า ตัวเองเลี้ยงหนูมาประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นการเลี้ยงเพื่อเตรียมส่งขายเมืองนอก เพราะพ่อก็ขายสัตว์สวยงามส่งต่างประเทศอยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาโรคโควิด-19 ระบาด ก็ขายในเพจเฟซบุ๊กมากกว่า จนช่วงวันพุธที่ 16 มีนาคม ข้างบ้านจัดงานบวช เริ่มเปิดเพลงเสียงดัง ช่วงเย็นหนูดัมโบ้ตายไป 1 ตัว วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม มีการเปิดเพลงตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. หนูเริ่มตายเพิ่ม แต่ตนไม่ได้นับจำนวน วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม เปิดเพลงช่วงเช้าถึงเที่ยง ตายเพิ่มอีกรวม 33 ตัว
โดยช่วงวันพฤหัสบดีกลางคืน ตนได้เดินไปบอกที่บ้านงานให้ลดเสียงเพลงลงมา เพราะหนูของตนเริ่มตาย เนื่องจากตกใจเสียงเพลง แต่ทางเจ้าภาพก็ลดลงมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเพลงที่เปิดเสียงดังกระหึ่มจนหนูตกใจมีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก จนตายในที่สุด
จนวันสุดท้ายได้เข้าไปคุยให้เจ้าของงานรับผิดชอบ แต่อีกฝ่ายไม่ยอม บอกให้ไปแจ้งความ ตัวเองจึงเข้าแจ้งความพร้อมพ่อ
กระทั่งเข้าไปโพสต์ขอความเป็นธรรมในเพจเฟซบุ๊กของจังหวัดนครปฐม ก็มีคนเข้ามาช่วยให้เงินมา 3,000 บาท เมื่อเริ่มมีข่าวทางเจ้าของบ้านก็ให้เงินมา 1,500 บาท เป็นค่าเสียหาย ซึ่งน้อยกว่ามูลค่าความเสียหายจริง ตนก็คิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว อยู่ที่จิตสำนึก
ส่วนตัวเสียใจมาก เพราะตั้งใจเลี้ยงหนูมาอย่างดี แต่กลับต้องมาตายเพราะเสียงเพลงดังแบบนี้
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านงานบวช ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านน้องนุ๊กเกอร์ ประมาณ 200 เมตร นายนิพนธ์ เนตรทวี อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน และนางแก้ว เนตรทวี อายุ 48 ปี ภรรยา ได้โชว์ใบอนุญาตใช้เครื่องเสียง ในวันที่ 17 มีนาคม และวันที่ 18 มีนาคม
นายนิพนธ์ และนางแก้ว กล่าวว่า ตัวเองจัดงานบวชให้ลูกชาย โดยมีการตั้งเวทีหน้าบ้าน มีการเปิดเพลงตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ช่วงเย็น แต่เปิดไม่ดัง วันที่ 17 มีนาคม ก็เปิดอีกรอบในเวลาประมาณ 17.00 น. ถึงช่วงกลางคืน ซึ่งเสียงก็ไม่ได้ดังสนั่นตามที่ถูกกล่าวหา วันที่ 17 มีนาคม ช่วงกลางวันมีการแห่นาคเข้าบ้าน ช่วงเย็นกินเลี้ยง วันที่ 18 มีนาคม มีการเปิดเพลงช่วงเช้าในการแห่นาคไปวัดเพื่อทำพิธี ระหว่างการจัดงานทราบจากเพื่อนที่มาร่วมงานว่าน้องนุ๊กเกอร์มาที่บ้าน บอกให้ลดเสียงเพลง แต่ตนไม่ได้อยู่ในช่วงนั้น
จนบ่ายวันที่ 18 มีนาคม หลังทำพิธีเสร็จกลับมาจากวัด น้องนุ๊กเกอร์กับย่ามาที่บ้าน บอกว่าหนูที่เลี้ยงไว้ตาย ตนก็ถามไปว่าจะให้ทำยังไง เพราะทำถูกต้องตามกฎหมาย มีการขออนุญาตแล้ว และถามกลับไปว่าจะให้ชดใช้อย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะกลับบ้านไป จากนั้นรอบที่ 2 น้องนุ๊กเกอร์มาพร้อมพ่อ บอกจัดงานเสียงดังทำให้หนูตาย โดยพ่อน้องนุ๊กเกอร์ก็ชี้ว่าใครจะรับผิดชอบ ตนก็ถามว่าหนูตัวละเท่าไร อีกฝ่ายก็บอกว่าจะไปแจ้งความ ตนก็ยินดีให้ตำรวจมาเป็นตัวกลาง
กระทั่งมีการโพสต์และมีข่าวออกมา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะตนไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ ไม่เคยบอกว่าจะไม่จ่ายเงิน แต่อีกฝ่ายไม่เคยพูดว่าจะให้ชดใช้ค่าเสียหาย โดยตนก็ยินดีจ่าย วันนี้ก็มีการตกลงเจรจาจ่ายเงินไปจำนวน 1,500 บาท ส่วนตัวเลขที่น้องนุ๊กบอกว่าค่าเสียหาย 13,785 บาท ตนเห็นตามโซเชียล ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ โดยวันนี้ก็ยกมือขอโทษขอโพยกันไปแล้ว คิดว่าเรื่องจะจบ เพราะมองว่าเป็นงานบุญ ไม่อยากจะมีปัญหากัน แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ลบโพสต์ แต่ปรากฏว่ายังมีสื่อออกไป ทำให้ตนเสียหาย เพราะตนก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง
สพญ.กัณธิตา ปวีณสกล หรือ หมอลูกเกด สัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ แอนิมอสเปซ (Animal Space Pet Hospitel) ให้ความเห็นว่า เบื้องต้นไม่สามารถที่จะบอกได้ชัดเจนว่าหนูที่ตายนั้น มีสาเหตุมาจากเสียงดังจากงานบวชโดยตรงหรือไม่ หรืออาจจะมีสภาวะอื่นร่วมด้วย เพราะส่วนตัวไม่ได้ไปตรวจร่างกายหนูที่ตาย หรือฟังเสียงความดังตรงสถานที่เกิดเหตุ
แต่โดยปกติแล้ว ตัวหนูเองหากมีเสียงดังมารบกวนมาก ๆ ซึ่งอาจจะบอกไม่ได้ว่ากี่เดซิเบล แต่อย่างตัวคนที่ฟังแล้วรู้สึกรำคาญ หนูก็จะรู้สึกรำคาญเหมือนกัน แล้วก็จะเกิดความเครียด เกิดอาการกระสับกระส่าย ร่างกายเกิดความร้อนมากขึ้น บวกกับช่วงนี้ที่ร้อนอบอ้าว ร่างกายอาจจะระบายความร้อนออกมาไม่ทัน ก็จะเกิดภาวะลมแดด หรือฮีทสโตรก แล้วช็อกตายในที่สุด
ข้อแนะนำสำหรับคนที่จะเลี้ยงหนูดัมโบ้ หรือสัตว์เลี้ยงพิเศษอื่น ๆ ก็จะต้องมีอุปกรณ์ที่ครบสมบูรณ์ ทั้งตัวกรงที่อยู่ อาหารที่เหมาะสม สภาพแวดล้อมที่พร้อม และตัวของผู้เลี้ยงเองที่จะต้องศึกษาความรู้ด้วย
