เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 65 เวลา 14.40 น. ร.ต.อ.สุทธิศักดิ์ สนิท รอง สว. (สอบสวน) สภ.เวียงสระ รับแจ้งเหตุพบซากรถจักรยานยนต์ และโครงกระดูกคล้ายมนุษย์ฝังดิน ในเขตพื้นที่บ้านทุ่งเขาโคก หมู่ที่ 3 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วันชัย ปะลาวัน ผกก.สภ.เวียงสระ และพิสูจน์หลักฐาน 8 กู้ภัยกุศลศรัทธาอำเภอเวียงสระ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบเป็นที่ดินกำลังขุดปรับบ่อน้ำเก่า ในพื้นที่สวนเตรียมปลูกทุเรียน ซึ่งไปพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีชมพูดำ ทะเบียน ขยล 149 สุราษฎร์ธานี สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ใกล้กันพบถังเหล็กสีฟ้าขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง และโครงกระดูกลักษณะคล้ายมนุษย์ มีเสื้อผ้า ไม่มีกะโหลก ข้อกระดูกสะโพกพบมีการเจาะร้อยโซ่ มีตาข่ายคล้ายเปล และกระสอบปุ๋ยห่อไว้ มีเสาปูนยึดติดไว้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันที่ 24 มี.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 8 กำลังตรวจสอบโครงกระดูก และหลักฐานต่าง ๆ โดยจากการสังเกตพบว่ามอเตอไซค์คันที่ขุดเจอนั้น สภาพค่อนข้างใหม่ ที่ล้อหน้ามีสายเคเบิลผูกเอาไว้ ส่วนถังน้ำมันเป็นขนาด 200 ลิตร ที่ถังน้ำมันมีลักษณะแตกและบุบ 1 ข้าง ด้านในถังมีโคลนอยู่บริเวณใต้ถัง ส่วนเปลและกระสอบปุ๋ยมีโคลนติดอยู่จำนวนมาก
สำหรับจุดเกิดเหตุ ทราบว่าเป็นที่ดินของนายบุญพัฒน์ เพชรสงค์ จำนวน 8 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา จุดที่พบโครงกระดูกมนุษย์ เป็นบ่อน้ำที่มีน้ำก้นบ่อกำลังอยู่ระหว่างการขุดลอกเป็นบ่อใหม่ ความลึก 4-5 เมตร จุดที่พบโครงกระดูกอยู่ที่ 4 เมตร และละแวกใกล้จุดเกิดเหตุ มีบ้านอยู่ 1 หลัง เป็นบ้านคนงาน ห่างจากจุดพบศพประมาณ 24 เมตร
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายกฤษดา เดชเดโช อายุ 28 ปี คนขับรถแบ็กโฮ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้เวลา 09.00 น. ตนเข้ามาขุดลอกบ่อดังกล่าว เนื่องจากเจ้าของที่ดินว่าจ้างให้ตนมาขุดลอก จากนั้นตนก็ขุดไปเรื่อย ๆ กระทั่งเวลา 10.00 น. ขุดไปเจอรถมอเตอไซค์ ไม่นานก็ขุดไปเจอถังน้ำมันซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ตนจึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านรับทราบ เพราะตนเห็นท่าจะไม่ดี
กระทั่งผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูที่เกิดเหตุ และขุดถังน้ำมันดังกล่าวขึ้นมาจากดิน กลับพบว่าข้างในมีโครงกระดูกมนุษย์จำนวนหลายชิ้น และถูกห่อด้วยกระสอบชั้นที่ 1 ถูกห่อด้วยเปลนอนเป็นชั้นที่ 2 และยังมีโซ่ล่ามไว้กับกระดูกส่วนสะโพก ต่อไปยังเสาปูนที่พบอยู่ข้าง ๆ ถังน้ำมัน คาดว่าศพน่าจะถูกถ่วงด้วยเสาปูนเอาไว้ เท่าที่สังเกตก็ยังไม่พบส่วนกระโหลกแต่อย่างใด ตนยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับจุดที่ตนขุดเจอโครงกระดูกมนุษย์นั้น ลึกประมาณ 4-5 เมตร ตนคาดว่าโครงกระดูกดังกล่าวน่าจะถูกถ่วงอยู่ในน้ำไม่เกิน 2 ปี เนื่องจากดูจากสภาพของรถมอเตอไซค์ที่ค่อนข้างใหม่
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายบุญพัฒน์ เพชรสงค์ อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า ที่ดินจุดเกิดเหตุเป็นที่ดินของตนขนาด 8 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 ตนได้ว่าจ้างให้แรงงานชาวเมียนมาชื่อนายทักษิณ มาอยู่ที่บ้านหลังที่อยู่ใกล้ ๆ กับจุดเกิดเหตุ นายทักษิณ ก็เข้ามาอยู่ตามลำพัง เนื่องจากภรรยาของเขากลับไปอยู่ประเทศเมียนมา ทั้งนี้ นายทักษิณ เป็นลูกจ้างให้กับตนได้ประมาณ 3 เดือน แต่ตนจำไม่ได้ว่าอยู่ถึงเดือนไหนของปี 2559 จากนั้นเขาก็หายตัวไป
แต่ก่อนที่นายทักษิณ จะหายตัวไป ตนสังเกตว่านายทักษิณ ได้ไปชวนเพื่อนกว่า 10 คน มาเที่ยวเล่นที่บ้านหลังดังกล่าว มีการพูดคุยกันเสียง ถึงขั้นบางวันก็มีทะเลาะกัน ตนในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็เคยเข้ามาเตือนนายทักษิณ ว่าไม่ให้นำเอาเพื่อน ๆ เข้ามาพักอาศัยที่บ้านพักหลังดังกล่าว เนื่องจากเพื่อน ๆ ของนายทักษิณ บางคนก็เดินทางเข้าประเทศมาอย่างไม่ถูกกฎหมาย
หลังจากที่นายทักษิณ หายตัวไป ตนก็ไม่ได้ออกติดตามหาเขาอีกเลย เพราะคิดว่าเขาคงไปกับเพื่อนของเขาแล้ว สำหรับโครงกระดูกดังกล่าว ตนคาดว่าถ้าไม่ใช่โครงกระดูกของนายทักษิณ ก็คงเป็นกลุ่มเพื่อน ๆ ของนายทักษิณ เพราะพวกเขาชอบทะเลาะกันบ่อย ตนคาดว่าคงมีปากเสียงแล้วทำร้ายกันหรือไม่ และสาเหตุที่ตนคิดว่าเป็นโครงกระดูกของนายทักษิณ หรือเพื่อนของเขา เพราะว่ามีหลักฐานหลายอย่างที่พบพร้อมกับโครงกะดูก แล้วเป็นสิ่งของในบ้านของตน อาทิ ตาข่าย ที่ตนใช้งานประจำที่บ้าน เสาปูนก็เป็นของตนที่ใช้ล้อมพื้นที่เอาไว้ รถจักรยานยนต์ ตนก็เคยเห็นนายทักษิณขี่บ่อยครั้ง ถังสีฟ้าก็เป็นของตนที่หายไป เปลนอนเป็นของนายทักษิณ ส่วนสายไฟและสายเคเบิลที่ผูกกับรถมอเตอร์ไซค์ ก็เป็นสิ่งของในบ้านของตน ส่วนกระสอบที่พบกับโครงกระดูกและโซ่ ตนไม่เคยเห็นมาก่อน
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมก็คิดว่าคนก่อเหตุเขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม เพราะมีการฝังโซ่กับกระดูกและมัดกับเสาปูน เพื่อเป็นการถ่วงน้ำไม่ให้คนเห็น บ่อน้ำนี้ก็เป็นบ่อเก่าหลาย 10 ปี ก่อนหน้านี้เป็นเพียงบ่อน้ำเล็ก ๆ ระดับน้ำไม่ลึกมาก แต่จะมีโคลนเยอะ ผมก็ตั้งใจจะขุดลอกบ่อใหม่ และคนขับรถแบ็กโฮได้มาขุดเจอโครงกระดูก ก็คาดว่าน่าจะเป็นแรงงานชาวเมียนมา เพราะว่าตัวสังเกตจากสายเคเบิลที่มัดล้อรถมอเตอร์ไซค์ เป็นเงื่อนแบบแรงงานเมียนมาเท่านั้น เขาจะผูกแบบนี้ คนไทยจะไม่มีใครมัดลักษณะนี้มาก่อนครับ" นายบุญพัฒน์ กล่าวให้ฟัง
เวลา 17.30 น. พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ โดยพล.ต.ต.สาธิต ได้สอบถามเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 8 ถึงชิ้นส่วนโครงกระดูกและหลักฐานที่พบต่าง ๆ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานอย่างละเอียดและครบถ้วน จากนั้น พล.ต.ต.สาธิต ได้ถามนายบุญพัฒน์ เจ้าของที่ดินจุดเกิดเหตุ ถึงไทม์ไลน์ว่าก่อนหน้านี้มีใครพักอาศัยอยู่ที่จุดเกิดเหตุบ้าง
พล.ต.ต.สาธิต ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นตนก็ได้สอบถามเจ้าของที่ดิน และผู้ที่พบโครงกระดูกเป็นรายแรก ซึ่งพวกเขาทั้งคู่ก็ให้การว่ามีการขุดปรับหน้าดินจากบ่อเดิมให้เป็นบ่อใหม่ กระทั่งขุดไปพบรถมอเตอร์ไซค์ และโครงกระดูกมุษย์อยู่ในถัง ซึ่งขณะนี้ตนก็ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดแล้ว เพื่อนำไปประกอบสำนวนและหาความเชื่อมโยงของหลักฐาน
ส่วนโครงกระดูกดังกล่าว จะเป็นของแรงงานเมียนมาที่หายตัวไปหรือไม่ จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ก่อนว่าบุคคลที่มีข้อมูลสูญหายนั้น ยังมีชีวิตอยู่หรือสูญหายจริงหรือไม่ โดยคดีนี้ถือว่าเป็นคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม และตนคิดว่าพฤติการณ์ดังกล่าว ถือเป็นวิสัยที่ผู้ก่อเหตุกระทำเพื่อปกปิดความผิดตัวเอง ซึ่งน่าจะไม่มีการเตรียมการมาก่อน เพราะหลักฐานที่ผู้ก่อเหตุใช้ส่วนใหญ่เป็นข้าวของที่อยู่ในพื้นที่ ส่วนผู้ก่อเหตุจะมีกี่คนกำลังอยู่ระหว่างรอบรวมหลักฐาน และสอบสวนขยายผลว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุมีใครอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้าง และอาศัยอยู่กันกี่คน