กรณี "แตงโม-นิดา" นักแสดงชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี กระทั่งพบว่าร่างลอยน้ำขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ก.พ. 65 ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด โชเซียลได้ร่วมกันตรวจสอบ พร้อมทั้งลงเนื้อหาในทวิตเตอร์ ระบุว่า อู่เรือ NBC มีกล้องวงจรปิดแต่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลหรือไม่ ประกอบกับด้านของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าได้มีการว่าจ้าง บริษัทเข้ามาทำความสะอาดเรือในคดี หลังจากที่แตงโมตกน้ำ ก่อนที่ตำรวจและนักข่าวจะเข้าไปที่อู่เรือในเช้าวันรุ่งขึ้นหรือไม่
นายธนกฤต วงศ์สุวรรณ เจ้าของอู่เรือ NBC แสดงความบริสุทธิ์ใจ หยิบมือถือขึ้นมาและถ่ายคลิปเพื่อส่งมาให้กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี โดยเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจที่ถูกพาดพิง จนกระทั่งได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้า ซึ่งหลังจากเกิดเหตุกลุ่มลูกค้าไม่ไว้ใจที่จะนำเรือมาฝาก ทำให้กระทบต่อธุรกิจ ทั้งที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับผู้สื่อข่าวและตำรวจเป็นอย่างดี
อู่เรือแรกหลังจากที่มีการลากเรือขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ยืนยันว่า กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในแต่ละจุด เป็นกล้องวงจรปิดรุ่นเก่า ที่รอการติดตั้งและเปลี่ยน ส่วนระบบเซิร์ฟเวอร์หรือตัวเก็บข้อมูลก็ได้มีการถอดออกไปนานแล้ว ไม่ได้เพิ่งถอดช่วงหลังจากเกิดเหตุ โดยเป็นระบบที่เตรียมจะมีการแก้ไข แต่ด้วยช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้การเปลี่ยนระบบกล้องวงจรปิดใหม่หยุดชะงักไป
โดยกล้องวงจรปิดที่เจ้าของอู่เรือพาไปดูตามคลิปที่มีการบรรยายในวันนี้ ที่ติดหันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าเลนส์กล้องจะมีลักษณะตัวแมลงไปทำรังอยู่อาศัย คิดว่ากล้องจะใช้การได้หรือไม่ ให้วิเคราะห์เอาเอง ประกอบกับมีการติดตั้งสแลนสีดำ สำหรับปลูกต้นไม้ ดังนั้นมุมกล้องคิดว่าจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกหรือไม่ ส่วนกล้องตัวที่ 2 คาดว่าเห็นบริเวณทางขึ้นลงของอู่เรือติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ให้สังเกตจากหน้าเลนส์กล้องและสายไฟบริเวณท้าย รวมถึงลักษณะรุ่นของตัวกล้อง จากสภาพให้สังคมวิเคราะห์เอาเองว่าใช้การได้ไหม เพราะจากเลนส์กล้องค่อนข้างมัวและขุ่น
ส่วนจุดอื่น กล้องตัวที่ 3-6 มีกล้องภายในอู่เรือและจุดจอดเรือภายในโกดัง ทั้งนี้กล้องทั้งหมดก็ใช้การไม่ได้เช่นกัน รอทำการเปลี่ยนรุ่นและอัปเดตเป็นกล่องรุ่นใหม่ กล้องตัวที่ 7 อยู่บริเวณด้านหน้าโกดัง หันไปบริเวณจุดจอดรถตามภาพกล้องวงจรปิดของร้านจอดเดิมที่บันทึกเอาไว้ได้ แต่ตัวนี้ระบบเซิร์ฟเวอร์เชื่อมกับโกดัง ไม่ได้เชื่อมกับลานจอด และตัวที่ 8 อยู่บริเวณป้ายทางเข้าของอู่เรือด้านบนหลังคา แต่กล้องตัวดังกล่าวถูกถอดออกไปแล้ว เนื่องจากนำป้ายมาติดจึงถอดออก ซึ่งยังคงเห็นว่ามีสายไฟเชื่อมอยู่แต่ไม่มีกล้อง มีแต่ป้ายเท่านั้น ที่สำคัญระบบบันทึกกล้องวงจรปิดหรือเซิร์ฟเวอร์คือส่วนสำคัญ ก็พาเข้าไปดูเพื่อความบริสุทธ์ใจ ให้ดูสภาพว่ากล้องที่มีฝุ่นเกาะคิดว่าสภาพจะใช้การได้หรือไม่ ลักษณะยังอุ่น ๆ แต่ไม่รู้ว่าอุ่นเพราะมีกระแสไฟฟ้าจ่ายเข้าไป หรือเป็นเพราะร้อน ดังนั้นจึงอยากให้สังคมคลายข้อสงสัยว่าระบบกล้องของอู่ใช้งานได้หรือไม่ โดยอู่เรือ NBC มีกล้องทั้ง 8 ตัว ยันว่าเสีย อยากจะให้ทุกคนจบในประเด็นนี้
นายธนกฤต วงศ์สุวรรณ เจ้าของอู่เรือ NBC เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยพาทีมข่าวได้ตำรวจเข้ามาดูกล้องวงจรปิดของอู่เรือหลายครั้งแล้ว คนที่เข้ามาเยี่ยมดูสถานที่จริง ต่างเห็นสภาพของอู่เรือที่แท้จริงว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร และตนเองในฐานะเจ้าของอู่เรือ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนบริหารจัดการเองทั้งหมดมานานกว่า 12 ปี อยู่ภายในอู่เรือประจำ ส่วนระบบกล้องวงจรปิดก็เลิกใช้งานมาสักระยะ เพราะเนื่องจากเป็นระบบรุ่นเก่า มีแผนกำหนดว่าจะมีการติดตั้งระบบใหม่ ติดช่วงโควิด-19 จึงทำให้โครงการเปลี่ยนระบบกล้องชุดใหม่จึงหยุดชะงักไป
กรณีที่โซเชียลมีเดียได้มีการลงเนื้อหาในทวิตเตอร์ ประกอบกับนายอัจฉริยะ ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับวงจรปิดของอู่เรือ ตนเองอยากจะย้อนถามว่าคนเหล่านั้นเคยเข้ามาที่อู่เรือหรือไม่ แต่ในทางกลับกัน ลูกสาวของตนเองอายุ 10 ขวบ ติดตามเนื้อหาในทวิตเตอร์และโซเชียล เกี่ยวกับข่าวของแตงโม จนล่าสุดไปเจอโพสต์ที่มีการพาดพิงถึงอู่เรือ ลูกมาบอกว่า “ป๊า เขาคิดได้เนอะ” ตนเองจึงมองว่าทำไมคนที่มีวุฒิภาวะที่เป็นผู้ใหญ่มากพอ ไม่คิดแยกแยะให้เท่ากับเด็ก 10 ขวบ ตนเองยอมรับว่าที่ผ่านมาตนเองก็ติดตามผลงานของนายอัจฉริยะมาโดยตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นการประเมินหรือนั่งมโนจากสิ่งที่ไลฟ์อยู่ที่บ้าน ไม่ได้มีการลงมาดูของจริง จับเรื่องราวมาปะติดปะต่อจับต้นชนปลายจนทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ยิ่งนายอัจฉริยะมีคนติดตามจำนวนมาก มานั่งพูดจับผิดตรงนั้นตรงนี้ ก็จะทำให้คนที่ถูกพาดพิงได้รับความเสียหาย การที่ตนเองออกมาพูดในวันนี้ ยอมรับว่ามีคำที่หยาบคาย แต่ก็ต้องการที่จะปกป้องสิทธิ์ อยากจะออกมาชี้แจงให้สังคมรับรู้ เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนเองก็ให้ความร่วมมือทั้งสื่อและตำรวจเป็นอย่างดี พร้อมทั้งอยากจะฝากถึงนายอัจฉริยะว่า "ให้เขียนตัวย่อคำว่า ค.ว.ย. หมายถึง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ เอาไว้กลางหน้าผากด้วย"
ส่วนประเด็นเรื่องการเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาทำความสะอาดเรือต้นเหตุ ก่อนที่ตำรวจและนักข่าวจะมาถึงในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นนั้น ตนเองขอย้ำว่าในคืนวันดังกล่าวช่วงเวลาประมาณ 22.57 น. ตนเองมีหลักฐานชัดเจนว่าได้ร่วมออกค้นหาแตงโมในน้ำเจ้าพระยา ใช้เวลานานพอสมควร หลังช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนก็เกิดอาการอ่อนล้า กลับบ้านไปพักผ่อน จากนั้นพ่อบ้านซึ่งเป็นพนักงานของอู่เรือก็ได้มีการไปเก็บเรือขึ้นมาจากท่าน้ำ ช่วงเวลาประมาณตี 5 แต่ลักษณะเรือก็ยังจอดอยู่บนล้อเลื่อน ไม่ได้มีการนำลงหรือเอาไปจอดในจุดอื่น เพราะลักษณะของการจอดเรือ หลังจากใช้งานแล้วคนที่นำเรือมาเก็บในอู่จะจอดเทียบไว้ที่ท่าน้ำ จากนั้นพนักงานในอู่เรือจะไปลากขึ้นมาเก็บไว้ให้ เป็นเรื่องปกติที่ทำกันอยู่ หลังจากนั้นเมื่อตนเองกลับไปถึงบ้านแล้ว ก็ไม่ได้มีใครเข้าออกอู่เรือ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล หากคนนอกจะเข้ามาทำความสะอาดหรือมายุ่งกับเรือ ก็จะต้องได้รับการขออนุญาต วันนั้นก็ไม่มีคนนอกเข้ามาอย่างที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะมีใครเข้ามาทำความสะอาดเรือ หากมีการทำความสะอาดจริง ทำไมยังมีแก้วไวน์ ทำไมยังมีคราบไวน์ให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาเก็บได้ ดังนั้นถ้าหากจะเป็นการทำลายหลักฐานก็คงจะไม่มีหลักฐานใดหลงเหลือให้ตำรวจเก็บ ในวันนั้นตนเองอยากจะย้อนให้ฟังอีกว่า ตอนที่ตนเองเดินทางมาถึงอู่เรือช่วงเวลาประมาณ 07.00-08.00 น. ขณะนั้นตำรวจและนักข่าวก็มาถึงอู่เรือแล้ว ย้อนถามอีกคำว่า "จะเอาเวลาไหนไปทำลายหลักฐานและล้างเรือ"
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากจะฝากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนของผู้ที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ หรือ ส.ส.เต้ ที่เคยออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นขอนไม้ และทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด เพราะคุณคือคนที่มีคนติดตามรู้จัก หากจะออกมาแสดงความคิดเห็นก็อยากให้มีการไตร่ตรอง หรือเอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาพูด ถ้าทำไม่ได้ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจะดีกว่า "ตนอยากให้คนพวกนี้คิดเพื่อประชาชน คิดเพื่อประโยชน์ และขอให้นายอัจฉริยะหาคำตอบมาตอบเด็ก 10 ขวบจะดีกว่า หากทำไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ" พร้อมทั้งย้ำอีกว่าการที่มีคนออกมาโจมตีหรือให้ข้อมูลพาดพิงอู่เรือ นับจากวันที่เกิดเรื่อง จนถึงวันนี้ อู่เรือได้รับความเสียหาย ลูกค้าลดลง ทั้งที่ให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายเป็นอย่างดี