จากกรณี เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งพบศพหญิงถูกฝังอยู่ข้างบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในซอยอยู่สุข 13 ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ ตรวจสอบซอกข้างบ้าน เจอหลุมลึกประมาณ 50 เซนติเมตร พบศพหญิง ทราบชื่อคือนางสาวสุรัก อุ้มญาติ อายุ 60 ปี เจ้าหน้าที่จึงนำร่างขึ้นมา พบว่าสภาพศพ คอหัก ใบหน้ายุบ เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 วัน และคาดว่าเป็นฝีมือของนายวิจิตร พันธุ์ภู่ ผู้เป็นสามี
ล่าสุด 14 มิถุนายน 2560 เวลา 18.50 น.
พระเอก ยโสธโร ลูกชายผู้เสียชีวิต ได้ออกมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านรายการ
ต่างคนต่างคิดว่า ก่อนหน้าที่แม่จะเสียชีวิตก็มีคนเคยโทรศัพท์มาบอกว่า แม่มักจะถูกซ้อมและถูกน้ำร้อนลวก จนมาถึงวันที่เสียชีวิตชาวบ้านก็บอกว่า แม่หายไปจากบ้านหลายวันแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าตนก็ไม่ได้เจอแม่มานานมาก แต่มีครั้งหนึ่งที่ให้ลูกชายไปหา แต่กลับถูกนายวิจิตร ไล่ไม่ให้เข้าไปภายในบ้าน เพราะแม่จะย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ส่วนนายวิจิตร สามีใหม่ของแม่ตนก็ไม่ได้รู้จักมากนัก และพอมาทราบว่าเกิดจากการถูกสามีใหม่ทำร้าย ตนก็บอกว่า แม่ตนไม่ค่อยบอกใครว่าถูกใครทำร้าย เพราะตอนพ่อกับแม่ตนทะเลาะกัน แม่ก็จะมักไล่ตนให้ออกมา
พัชรี แก้วน้อย กำนันตำบลบางเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ป้าสุรักอาศัยอยู่กับนายวิจิตร สามีใหม่ และแม่ของนายวิจิตร มาประมาณ 1 ปี ซึ่งผู้ต้องหาเป็นคนชอบดื่มสุรา มีประวัติพัวพันยาเสพติด เมื่อเมาสุราทุกครั้งก็จะทำร้ายร่างกายป้าสุรัก จนมีคนร้องเรียนให้เข้าไปช่วยเหลือเป็นประจำ เพราะมักได้ยินเสียงป้าสุรักถูกทำร้าย แต่ที่หนักสุดคือ เมื่อสองเดือนก่อน ป้าสุรัก ถูกสามีต้มน้ำร้อนเดือด และส่งเสียงร้องทรมาน แต่ทุกๆครั้งที่ตนเข้ามาเยี่ยมก็จะพบว่าเหตุการณ์ปกติ ตัวนางสุรักเองก็ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือและยังปกป้องสามี พอตนขอดูว่ามีร่องรอยหรือไม่ ป้าสุรักก็ไม่ยอมเปิดให้ดู และพอนายวิจิตรทราบว่าชาวบ้านมักไปบอกตน ก็พูดว่า
ถ้ารู้ว่าหน้าไหนไปแจ้งกำนันกูก็ไม่เอาไว้ แต่พอตนเข้าไป นายวิจิตรก็จะบอกว่า ผู้เสียชีวิต ไม่สบาย อยากกินเหล้าแต่ตนไม่ให้จึงดิ้นตกเตียง และพอตนจะเข้าไปดูร่องรอยบาดแผล ผู้เสียชีวิตก็มักจะไม่ให้ดู
จนเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ชาวบ้านได้แจ้งว่ามีกลิ่นเหม็น จากบ้านผู้เสียชีวิต และพอตนเข้าไปสอบถามแม่ของนายวิจิตร กลับได้รับคำตอบว่า กลิ่นที่เหม็นเป็นกลิ่นสุนัขที่ตาย และพอถามหาป้าสุรัก กลับบอกว่า เขากลับบ้านเขาไปแล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พบศพป้าสุรัก ขณะนั้นเอง ทางแม่ของนายวิจิตร ก็ตกใจที่เห็นศพ พร้อมบอกว่า ถ้าฉันรู้ ฉันจะกล้าอยู่กับคนตายเหรอ
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ออกมาพูดถึง กรณีที่เกิดขึ้นว่า หากผู้ใดพบเห็นว่ามีคนถูกทำร้ายก็สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 68 "ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด" ส่วนกรณีของนายวิจิตร ต้องดูเจตนาว่าผู้ต้องหาฆ่าเนื่องจากสาเหตุใด ถึงจะระบุโทษได้ แต่การฆ่าผู้อื่นจนถึงขั้นเสียชีวิตโทษสูงสุดคือประหารชีวิตอยู่แล้ว