วันที่ 5 เม.ย. 65 พนักงานสอบสวนนำสำนวนคดี น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้ต้องหาคดีให้การเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 คดีการเสียชีวิตของแตงโม ส่งฟ้องพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี หลังผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และเนื่องจากเป็นคดีย่อย ที่มีอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี ตามกฎหมายทั่วไปจำเลยรับสารภาพแล้วพนักงานสอบสวนต้องนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องด้วยวาจาที่ศาลแขวงนนทบุรีภายใน 48 ชั่วโมง
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.25 น. น.ส.อิจศรินทร์ พร้อมด้วยนายสิระ เจรจาคะ ในฐานะที่ปรึกษาทนายความ และทนายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ทนายความกระติก เดินทางมาที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี โดยมีคุณพ่อของคุณกระติกเดินทางมาด้วย
กระติก เปิดเผยว่าตนรับสารภาพแล้วรู้สึกโล่งใจ ต่อไปจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวล จากนี้จะได้ทำงานตามปกติ ส่วนรับสารภาพเรื่องใดยังไม่ขอไม่ขอเปิดเผย ซึ่งรับสารภาพไปก็ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนอีก 4 คน ด้วยการสอบถามปกติ ทุกคนไม่มีการตำหนิถึงการรับสารภาพเรื่องนี้ เพราะทุกคนรู้ความจริงอยู่แล้ว ส่วนแม้เพิ่งจะมารับสารภาพ มองว่าไม่ได้ช้าจนเกินไป อะไรนึกได้ก็แจ้งกับพนักงานสอบสวนเรื่อยมาอยู่แล้ว ยืนยันเรื่องฉี่ท้ายเรือ ไม่เคยพูดเลย รวมถึงอีก 3 คนบนเรือก็ไม่เคยพูดเรื่องแตงโมฉี่ท้ายเรือ นอกจากแซนเพียงคนเดียว
ขณะที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี นำโดย นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมด้วยนายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รวมถึงอัยการจังหวัดนนทบุรี และอัยการอาวุโส ประชุมหารือเห็นพ้องกันในกรณีที่ได้รับบันทึกฟ้องด้วยวาจาในคดี ความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
นายอิทธิพร ชี้แจงยืนยันว่าไม่รับสำนวนที่กระติกให้การเท็จ พร้อมจะส่งตัวกลับคืนให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อ นค่อยส่งฟ้องพร้อมกับสำนวนคดีการตายของแตงโม ระบุว่าเป็นคดีที่ซับซ้อน สำคัญสังคมให้ความสนใจ
นายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล พ่อของกระติก บอกว่า ส่วนตัวมองว่าลูกสาวผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยไม่ยุ่งกับลูกในเรื่องนี้เลย บอกว่าเพียงโตแล้วให้คิดเอาเอง กระทั่งลูกก็โทรศัพท์ไปบอกว่าถูกดำเนินคดี ตนเองจึงประสานทนายความ ตามที่ติดตามข่าวว่าทนายท่านนี้ทำคดีให้ลุงนิต และเดินทางมาเป็นกำลังใจให้ลูก ส่วนที่ผ่านมาคนในสังคมออนไลน์ต่อว่าตำหนิลูกสาวอย่างไรนั้น ตนเองก็ไม่ได้เก็บมาคิด แต่ถ้ามายืนชี้หน้าด่าก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
อีกทั้งที่ผ่านตนเองได้ตำหนิลูกสาวแล้วว่าทำไมถึงทิ้งเพื่อนในคืนนั้น แต่ลูกก็อธิบายเหตุผลมา ก็พอเข้าใจได้ พร้อมยืนยันว่าเชื่อคำให้การของลูก แต่ถ้าหากลูกสาวผิดจริง ตนเองจะเป็นคนพาเข้าเรือนจำเอง
อย่างไรก็ตาม กรณีพนักงานสอบสวน ยื่นคำร้องขอผัดฟ้อง กระติก ต่อศาลแขวงนนทบุรี โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ผู้ร้อง ได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้อง ครั้งที่ 1 นางสาวอิจศรินทร์ หรือ กระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 โดยผู้ต้องหาไม่ค้าน ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องผู้ต้องหามีกำหนด 6 วัน นับจากวันที่ 5 เม.ย. 65 ถึง 10 เม.ย. 65
ด้าน ท่านอดีตผู้พิพากษา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "กฎหมายชนบท" ระบุว่า "...เหนื่อย... ...ตัวละครชิงเอาตัวรอดแล้ว 1 คน แล้วใครจะเอาตัวรอดอีกละครับ... ( ผมเคยบอกว่าผมไม่เชื่อกระติก สงสัยต้องให้ลีนาจังเตะกระติกใส่น้ำแข็งให้ดูอีกครั้ง...) ...ต่อไปก็ต้องคอยดูอัยการว่าจะทำอย่างไรต่อไป..."
และ "...ว้าว .... ขอขอบคุณครับท่านอัยการจังหวัดศาลแขวงนนทบรี......หน้าม่อยกลับมาสิครับ ผัดฟ้องได้นะครับ...( รู้ไหมครับ ผัดฟ้องหมายความว่าอย่างไร )"
ด้านพลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การเเต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่ "กระติก" ออกมาพูดความจริง รับสารภาพในเรื่องให้การเท็จในคดีการเสียชีวิตของนักแสดงสาวแตงโมนั้น
พลตำรวจตรีวิชัย กล่าวว่า การที่กระติกออกมารับสารภาพ ถือเป็นประโยชน์ในทางคดี เเต่ในเรื่องสำนวนคงไม่เปลี่ยนเเปลง เพราะตำรวจยึดพยานหลักฐานเป็นหลัก ผู้ต้องหามีสิทธิ์จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่หากคำให้การขัดกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ก็ต้องถูกดำเนินคดี ยกตัวอย่างเรื่องการดื่มสุรา ที่ตอนเเรกทุกคนให้การว่าดื่ม 3 ขวด แต่ถ้าตำรวจมีหลักฐานว่าดื่มมากกว่านั้นก็ดำเนินคดีข้อหาให้การเท็จ
ส่วนที่กระติกให้การว่าทราบเวลาที่เเตงโมตกเรือ แต่ไม่เห็นตอนตก ก็ต้องไปดูว่าหลังจากที่ทราบเเล้วว่าแตงโมตกเรือ กระติกหรือคนบนเรือทำอย่างไร บอกให้เรือหยุดช่วยเหลือหรือไม่ ดังนั้นหากกระติกรับสารภาพความจริงก็จะมีประโยชน์ เพราะจะทราบพฤติกรรมของคนบนเรือ
สำหรับเรื่องการจัดหาทนายความ หรือการปรึกษากุนซือหลังจากเกิดเหตุ ตามหลักการแล้วคนที่กระทำความผิด หรือถูกดำเนินคดี มีสิทธิ์ที่จะปรึกษาทนายความได้ แต่สำคัญต้องไปดูที่ตัวทนายว่าให้คำเเนะนำอะไรแก่ลูกความ หากให้คำแนะนำในด้านที่ผิด หรือให้การเท็จ ก็ต้องถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นผู้สนับสนุนด้วย
ส่วนคำยืนยันของกระติกที่ระบุว่าเเตงโมไม่ได้นัดเจอผู้ใหญ่ ตามที่มีคนกล่าวอ้าง ในส่วนนี้ต้องถามคนที่พูดเรื่องนี้ คนที่อ้างว่ามีผู้ใหญ่รออยู่ที่โรงแรมมีหลักฐานอะไรบ้าง ต้องส่งให้ตำรวจ ไม่ใช่พูดลอย ๆ ในเมื่อไม่มีหลักฐานย่อมเเสดงว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งตำรวจคงไม่สนใจเรื่องนี้ เเต่ให้น้ำหนักในเรื่องพยานบุคคล พยานนิติวิทยาศาสตร์ พยานเเวดล้อม เเละหลักการเหตุผลเเรงจูงใจ ส่วนการที่กระติกยืนยันว่าไม่ใช่ฆาตกรรม ก็เป็นเรื่องปกติที่คนบนเรือต้องพูดเเบบนั้น แต่ตำรวจก็ต้องดูหลักฐานว่าคำพูดไปขัดกับหลักฐานใดหรือไม่
พลตำรวจตรีวิชัย กล่าวถึง กรณีอัยการไม่รับสำนวนคดีกระติกให้การเท็จ โดยสั่งสอบเพิ่มให้สิ้นกระเเสความว่าถือเป็นหลักการของกระบวนการยุติธรรม ในเมื่อพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่ง แล้วอัยมีข้อสงสัยบางประการ อัยการก็ต้องสั่งตำรวจให้กลับไปสอบมาให้ครบ หลังจากนั้นก็จะพิจารณาอีกรอบว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งตนเป็นพนักงานสอบสวนมาก่อน กรณีเเบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
ส่วนกรณีทนายตั้ม ที่ออกมาแฉผ่านสื่อว่ามีตำรวจสั่งให้พูดว่าคำให้การของปอกับโรเบิร์ตไม่มีพิรุธ ตนไม่ได้เข้าข้างตำรวจ แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าตำรวจพูดแบบนั้น หากตำรวจพูดมองว่าตำรวจคนนั้นก็โง่ เพราะโดยปกเเล้วตำรวจจะไม่พูดเเบบนี้เเน่นอน หากเป็นการให้ทนายตั้มยืนยันคำให้การตอนให้ปากคำ ก็อาจเป็นไปได้