กรณี ร.ต.อ.หญิง จิรญา ทองช้อย รองส.(สอบสวน) สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งหรูข้ามเลนชนคนงานทำสายไฟ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนสาย 3126 ท่าอากาศยานอู่ตะเภา – ท่าเรือจุกเสม็ด กม.ที่ 6 ต.สัตหีบ
ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบชื่อ นายโซ อายุ 19 ปี และนายริน ทั้งคู่สัญชาติเมียนมา ส่วนคนไทยทราบชื่อ นายปรีชา แซ่อื้อ อายุ 58 ปี ขณะที่นายสุรชัย อิ่มน้อย อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังพบว่า น.ส.ฟ้า ชาวเมียนมา แฟนสาวนายโซ ร้องไห้แทบขาดใจใกล้ร่างผู้ตายจนเป็นลม
อย่างไรก็ตาม ห่างออกไปไม่ไกล พบรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ ทะเบียน กพ – 3725 พระนครศรีอยุธยา สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ทราบชื่อคนขับ นายฤทธิรงค์ มีโชคสม อายุ 49 ปี บาดเจ็บซี่โครงหัก เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ พร้อมนำส่งโรงพยาบาล โดยจะมีการเจาะเลือดตรวจแอลกอฮอล์ว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนดหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 6 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บนถนนสายแยกกิโลเมตรที่ 10 – การท่าเรือสัตหีบ ตรงข้ามปากทางเข้าสนามยิงปืน หนองกระจง ม.4 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จากการลงพื้นตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 เลนมีเกาะกลางแบ่งเป็นฝั่งละ 2 เลน บนถนนมีร่องรอย ความเสียหายทั้งรอยขีดของรถยนต์ที่เป็นแนวยาว ชิ้นส่วนรถยนต์ บังเกอร์พลาสติกแตกได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังมีเสื้อผ้า หมวก รองเท้า ของผู้ตาย กองอยู่ข้างถนน ซึ่งบริเวณเกาะกลางถนน แนวรั้วเหล็กที่กั้นไว้ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีของเส้นไหว้ที่คาดว่าญาติ ๆ นำมาวางไว้ในที่เกิดเหตุ ในวันนี้ตำรวจได้เคลื่อนย้ายรถยนต์คันที่เกิดเหตุไปไว้ที่โรงพักแล้ว
ทีมข่าวได้ไปพูดคุย กับนายทศพล ปางสา อายุ 28 ปี คนงานที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า เวลาประมาณ 02.00 น. ตนทำงานอยู่จุดที่ 2 จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงรถเบรกดังสนั่นมาแต่ไกล หันไปดูก็เห็นรถยนต์คันที่เบรกข้ามมาชนเพื่อนคนงานแล้ว พอเดินไปดูในที่เกิดเหตุเพื่อนคนงานที่ถูกชนก็นอนแน่นิ่งกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง ส่วนคนขับที่ก่อเหตุก็นอนบาดเจ็บอยู่ในที่เกิดเหตุ กระทั่งตำรวจตามมาคุมตัว โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้หนีหรือขัดขืนตำรวจ แต่มีสภาพมึนเมาสุรา
จากการตรวจสอบ ศพของผู้เสียชีวิตยังคงรอการผ่าชันสูตรศพอยู่ที่โรงพยาบาล เช่นเดียวกับผู้บาดเจ็บที่ยังอยู่ในห้อง ICU ซึ่งทางญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิตบางส่วนที่เป็นชาวเมียนมา ได้เดินทางกลับไปยังแคมป์คนงานที่จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนญาติของนายปรีชา และนายสุรชัย อยู่ระหว่างการเดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ฟ้า ชาวเมียนมา ภรรยาของนายโซ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ขณะเกิดเหตุสามีนั่งทำงานหันหลังให้ถนน จากนั้นตนก็เห็นรถเหินข้ามมาชนสามีต่อหน้าต่อตาโดยสามีไม่ได้ตั้งตัว ด้วยความตกใจ ตนก็ได้แต่วิ่งไปเรียกสามี แต่สามีก็นอนแน่นิ่ง ไม่ตอบอะไร ตนยอมรับว่าช็อกมาก ๆ ทำอะไรไม่ถูก เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่เกิดเหตุญาติ ๆ ของคนขับยังไม่มีการติดต่อมาพูดคุยหรือแสดงความเสียใจอะไรทั้งสิ้น หากคนขับหรือญาติของเขาฟังอยู่ ตนก็อยากจะถามว่า ทำไมถึงทำกับสามีได้ถึงขนาดนี้ ตนมีลูกเล็กที่ต้องดูแล ทำไมญาติคนขับถึงไม่มาดูดำดูดีบ้างเลย ขณะนี้ลูกยังไม่รู้ว่าพ่อตาย โทรศัพท์มาก็ร้องหาแต่พ่อ ๆ "ตอนคุณชน คุณไม่เห็นจริง ๆ เหรอ ตาคุณบอดเหรอ คนนั่งอยู่เยอะแยะ ยังขับรถพุ่งมาชน"
ส่วนเรื่องของคดีความ หลังเกิดเหตุคนขับได้เข้ารักษาตัวยังโรงพยาบาล และถูกควบคุมตัวไว้ยังห้องขัง สภ.สัตหีบ เพื่อเตรียมส่งฟ้องศาลจังหวัดพัทยาต่อไป ในความผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย พยายามทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขับรถไม่คำนึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนผู้อื่น ส่วนคดีเมาขับอยู่ในระหว่างรอผลตรวจจากแพทย์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน จึงจะสามารถชี้ชัดได้ หากพบว่าดื่มสุราขณะขับรถก็จะถูกเพิ่มข้อหา เมาแล้วขับอีก 1 ข้อหา