ฮือกระทืบไอ้ช้างฆ่ายายหมกป่า เมียตัดขาดฉะเหี้ยม ญาติไม่เชื่อถุยน้ำลายทำยัวะ (คลิป)

6 เม.ย. 65

กรณีตำรวจสามารถจับกุมนายชลวิทย์ อยู่เจริญ หรือ ช้าง อายุ 46 ปี ผู้ก่อเหตุฆ่า นางวิน อู่นาค อายุ 73 ปี แล้วอำพรางศพด้วยการนำไปซ่อนไว้ใต้กอไม้ ก่อนจะเอาใบไม้ กิ่งไม้ และเสื้อตัวเองคลุมศพไว้ จากการสอบปากคำก่อนที่จะคุมตัวเข้าห้องขัง สภ.แม่แยง จ.พิษณุโลก นายชลวิทย์ อ้างว่าเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 เมษายน 65 แค่จะไปทวงเงินค่าจ้างตัดหญ้า แต่นางวิน กลับด่าด้วยคำหยาบและถมน้ำลายใส่หน้า จึงฟิวส์ขาดคว้าไม้ลำไยฟาดไปที่ใบหน้าของนางวินจนเสียชีวิตคาที่

571261

ล่าสุดวันที่ 6 เม.ย. 65 เวลา 12.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแยง คุมตัวนายชลวิทย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในสวนผลไม้แห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านเข็กใหญ่ ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยต้องระดมกำลังจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่แยง เจ้าหน้าที่กู้ภัยพิษณุโลก มูลนิธิประสาทบุณสถาน เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ จ.พิษณุโลก รวมกว่า 50 คน เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมกับให้ผู้ก่อเหตุสวมเสื้อเกราะ และหมวกกันน็อก เนื่องจากเกิดการรุมประชาทัณฑ์จากชาวบ้านที่มาดูการทำแผนฯ

501916

ในทันทีที่มีการคุมตัวผู้ก่อเหตุไปถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 12.56 น. พบว่ามีชาวบ้านและญาติพี่น้องของผู้ตายประมาณ 20 คนมารอสังเกตการณ์ ช่วงแรกสถานการณ์ก็เป็นไปอย่างสงบ มีการทำแผนชี้จุดทั้งหมด 6 จุด หลังจากทำแผนฯ เสร็จ ทีมข่าวพยายามจะถามกับ นายชลวิทย์ ว่าที่มีการผลักรถ ATV ลงไปด้านล่าง ทำไปเพื่ออะไร ตั้งใจจะจักฉากให้ดูเหมือนอุบัติเหตุหรือไม่ จู่ ๆ หลานของผู้ตายที่มายืนสังเกตการณ์ก็จะโกนแทรกขึ้นมาจากด้านหลังว่า “ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ทำยายกูทำไม ไอ้_หมา” และหลังจากนั้นชาวบ้านกว่า 10 คนก็เข้ามารุมประชาทัณฑ์ ทั้งตบ ตี เตะ ต่อย ถีบแบบไม่ยั้ง จนเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำขึ้นรถทันที 

494133

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำ “นายชลวิทย์” เพิ่มเติม ทั้งเรื่องเงินและจุดทิ้งโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย จากนั้นในวันพรุ่งนี้ 7 เมษายน 2565 จะคุมตัวส่งศาลจังหวัดพิษณุโลกใน 2 ข้อหาคือ “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และ “ ซ้อนเร้นอำพรางศพ” 

881642

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสุฑาทิพย์ เจ๊กกิ้ง อายุ 35 ปี หลานของนางวิน กล่าวยืนยันว่า ยายและผู้ก่อเหตุ เคยร่วมงานกันมาก่อน เพราะยายจะจ้างให้เขามาตัดหญ้าในสวนประจำ ๆ แต่ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน แล้วพอมาทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายชลวิทย์ ตอนแรกก็ตกใจมาก ๆ เพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่เห็นหน้ากันประจำ จะทำกันได้ขนาดนี้ แล้วยิ่งผู้ก่อเหตุอ้างว่าทำไปเพราะยายถมน้ำลายใส่นั้น ตนยิ่งไม่เชื่อ เพราะยายไม่ได้เป็นคนที่มีพฤติกรรมแบบนั้น แต่ยอมรับว่ายายปากจัดจริง มักจะด่าและตำหนิลูกจ้างหรือญาติ ๆ ที่จ้างให้มาทำงานด้วย แต่จะด่าก็ต่อเมื่อทำงานไม่เสร็จ หรืองานไม่เรียบร้อยเท่านั้น 

596034

สำหรับในวันนี้ที่ตนตะโกนด่าผู้ก่อเหตุ เพราะโกรธและโมโหมาก จริง ๆ ก็อยากจะเข้าไปร่วมรุมประชาทัณฑ์ด้วย เพราะพฤติการณ์ที่เขาทำกับยายโหดเหี้ยมที่สุด กว่ายายจะขาดใจตาย ตนเชื่อว่าคงเจ็บปวดทรมานมาก ๆ ตนก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฎิบัติงาน ดังนั้นใจของตนมองว่าจริง ๆ แล้วชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตเท่านั้น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประหารชีวิตนายชลวิทย์ไปเลยด้วยซ้ำ

“ถ้าถามถึงผู้ก่อเหตุ ส่วนตัวไม่ได้สนิท ก็เลยไม่รู้นิสัยใจคอเป็นยังไง หลังเกิดเหตุก็ยังไม่ได้คุยกับฝั่งผู้ก่อเหตุด้วย วันนี้สามารถอโหสิกรรมให้ผู้ก่อเหตุได้ไหม คงยืนยันคำเดิมว่าถ้าประหารได้ก็ดี ถ้าโทษไม่แรงพอ ก็จะไม่ยอมอโหสิกรรม ฝากถึงดวงวิญญาณของยายว่า รักและคิดถึงเสมอนะคะ เพราะทุกวันนี้มีกินมีใช้ได้ก็เพราะยาย การสูญเสียครั้งนี้ก็ถือว่าเสียเสาหลักไป ทำให้คิดถึงคำสอนที่ยายเคยบอกเป็นประจำคือ รักครอบครัว รักตัวเอง อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำยังไงก็ได้ให้สามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ถ้ายายไม่อยู่จะได้อยู่ด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้วันนั้นก็มาถึง ต้องพยายามทำใจแล้วผ่านมันไปให้ได้” ลูกสาวผู้เสียชีวิต กล่าว 

977914

นางนิโรบล เทศขำ อายุ 40 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ตนกับสามีคบหากันได้ประมาณ 1 ปี แต่ไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส ไม่มีลูกด้วยกัน ปกติสามีมักจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านตน และบ้านแม่ของเขา บางวันก็อาศัยพักตามสวนที่ไปทำงาน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 65 เท่าที่ตนใช้ชีวิตอยู่กับสามี ทุกอย่างก็ดูปกติ เห็นว่าเขาเข้า ๆ ออก ๆ บ้านตลอดทั้งวัน และไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกับตนตามที่ข่าวบางสำนักเผยแพร่ออกไป

116135

โดยรอบแรกที่เห็นเขาคือขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่ จากนั้นช่วงเวลา 10.00-11.00 น. เห็นว่ากลับมากินข้าว ยังซื้อน้ำมาให้ตน 1 แก้ว แล้วก็ออกจากบ้านไปอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เข้า ๆ ออก ๆ อีก 2-3 ครั้ง ที่ผ่านมากิจวัตรประจำวันเขาก็เป็นแบบนี้ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ต่างคนต่างทำงาน เขาจะไปทำงานที่ไหนก็ไม่เคยบอกตนด้วย กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. มีตำรวจเข้ามาที่บ้าน สามีก็นอนอยู่ที่บ้าน แต่ตนไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน และไม่ได้ถาม เพราะเห็นว่าหลังจากตำรวจกลับ เขาก็ยังนอนเล่นอยู่ในบ้านปกติ

ต่อมาเช้าของวันที่ 5 เมษายน 65 ตนเห็นว่ามีตำรวจโทรศัพท์มาตามให้ไปโรงพัก หลังจากนั้นก็ไม่เห็นเขากลับมาบ้านอีกเลย ตนก็ไม่ได้ตามหา เพราะคิดว่าแวะไปทำงาน จนมาเห็นว่าโดนจับในช่วงบ่าย ๆ ก็ไม่ได้ตกใจ เพราะอ่านจากเนื้อข่าวแล้วก็ไม่ได้แปลกใจ เนื่องจากนิสัยใจคอของนายชลวิทย์ เป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจ เวลามีปัญหาก็จะนิ่ง ๆ ไม่บอกใคร

864698

"หากสามีพ้นโทษออกมา จะยังคงคบกันต่อในฐานะสามีไหม ส่วนตัวแล้วขอให้เป็นเรื่องราวในอนาคต ดูว่าพฤติกรรมเขาจะเป็นยังไง เพราะวันนี้มันยังเหลือความรู้สึกดี ๆ อยู่ แต่เท่าที่ได้คุยกับครอบครัว ทุกคนยืนยันว่าไม่อนุญาตให้คบต่อ เนื่องจากนิสัยของเขาจะเป็นภัยต่อคนอื่น" ผู้เป็นภรรยา กล่าวทิ้งท้าย 

advertisement

ข่าวยอดนิยม