สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) หลังจากเมื่อเช้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบในห้องแถลงข่าวบริเวณที่ทำการพรรค ประเด็นการตั้งพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมจัดวางพานพุ่มและเครื่องทองน้อยที่ถูกแชร์ผ่านโลกออนไลน์ว่าไม่เหมาะสม ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นนั้น ทางพรรคก็ได้ออกมาชี้แจงและแก้ไขถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว (อ่านข่าว:
ตร.เข้าไทยรักษาชาติ ตรวจสอบจัดโต๊ะหมู่บูชาและพระฉายาลักษณ์ไม่เหมาะสม)
ล่าสุดวันนี้ (12 ก.พ.62) เวลาประมาณ 13.00 น. ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค อาทิ ฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรค ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค และ พงษ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคไทยรักษาชาติ เพื่อทำการประชุมปรึกษาหารือแนวทางของพรรค หลังจากเมื่อวานพรรคไทยรักษาชาติแจ้งต่อสื่อมวลชนว่าพรรคได้ยกเลิกการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พร้อมยกเลิกการแถลงข่าวในเวลา 17.30 น.
ร้อยโทปรีชาพลให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องพระราชโองการว่า ขอน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ จากที่มีมติของกกต.เมื่อวานนี้ที่ไม่ได้ประกาศรายชื่อแคนดิเดตของพรรคไทยรักษาชาติในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น ทางพรรคถือว่าก็มีมติออกมาแล้วก็ถือว่าเป็นข้อยุติซึ่งก็เรียนว่าทางพรรคก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ และพรรคก็ได้แถลงในเรื่องของการน้อมรับพระราชโองการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนี้ไปก็จะเดินหน้าในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งและหาเสียง อย่างเช่นวันนี้ก็เตรียมมาเพื่อเรียกประชุมทางคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อที่จะวางแผนและกำหนดท่าทีในการเดินหน้าของพรรค เพราะว่าในฐานะพรรคการเมืองก็มีหน้าที่สำคัญต่อพี่น้องประชาชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสมาชิกของพรรคต่อผู้สมัครของพรรค ซึ่งวันนี้การทำงานการเมืองนั้นไม่สามารถที่จะหยุดนิ่งได้ และจะเดินหน้าเพื่อที่จะสืบสานนโยบายและขออาสารับใช้พี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เรียนว่าทางพรรคดำเนินการทุกอย่างไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและมีความตั้งใจดีอยากเห็นบ้านเมืองไปในทิศทางที่ดี และมีอนาคตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน
ในส่วนของเรื่องข้อกล่าวหากรณีการยุบพรรคนั้น จริงๆ แล้วทางพรรคก็ไม่ได้กังวล เพราะทำตามระเบียบตามขั้นตอนและตามข้อบังคับกฎหมายที่กำหนด ไม่มีอะไรและตรงไปตรงมา ส่วนผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเช่น กกต.ก็มีหน้าที่ของตน ถ้าเห็นว่ามีสิ่งใดที่น่าสงสัยก็ต้องมีการดำเนินการ ทางพรรคเองก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการการตรวจสอบ
เมื่อถามถึงประเด็นเรื่องกรรมการบริหารพรรคลาออกนั้น ร้อยโทปรีชาพลกล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคที่ลาออกไปเป็นเรื่องปัญหาส่วนตัวของท่านเป็นเรื่องปัญหาครอบครัวของท่านแต่ไม่เป็นไร ทางพรรคเดินหน้าเป็นองค์กรวันนี้สมาชิกของพรรคยังมีกำลังใจและมีความพร้อมเต็มที่ในการที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเป็นความหวังให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจทำให้ตนทำงานต่อนั้น เพราะมีความตั้งใจและความปรารถนาดี เชื่อว่าคนไทยทุกคนรักประเท ศและนี่คือทางออกของประเทศ แต่ในเมื่อมีพระราชโองการออกมาแล้ว ก็ถือว่าทุกคนต้องน้อมรับ เพราะว่าเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ก็คือพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์