จากกรณี เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 7 เม.ย. 65 พ.ต.ต.อุทิศ พาราษฎร สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุแทงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ในโครงการเอื้ออาทรขจรวิทย์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
วันที่ 9 เม.ย. 65 ทีมข่าวเดินทางมาที่โรงพยาบาลย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ ญาติพี่น้องได้เดินทางมารับศพของ นางสาวจีรพา ปาพรหม อายุ 53 ปี ส่วนที่บริเวณหน้าอาคาร 39 โครงการเอื้ออาทรขจรวิทย์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ นายกิตติ และญาติ ได้มีการ นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูปมาทำพิธีเชิญวิญญาณ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
หลังจากนั้น นายกิตติก็นำอาหารคาวหวาน น้ำดื่มมาไหว้จุดที่แม่เสียชีวิต พร้อมระบุว่า "แม่มากินข้าวนะ แม่ตามผมมานะ ผมจะพากลับไปเชียงใหม่ ขอให้แม่ไปที่ร่างของแม่ แล้วไปเชียงใหม่กันนะครับ" ซึ่งช่วงนี้นายกิตติเสียงสั่นเครือ จนญาติต้องตบไหล่ให้กำลังใจ
นายกิตติ เมาะราสี ลูกชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้น ต้องเข้มแข็งเพื่อจัดงานศพของแม่ก่อน ส่วนน้องสาวก็ให้รับโทษตามสิ่งที่ก่อเหตุ ซึ่งการที่น้องสาวบอกว่าโดนแม่ดุด่ากดดัน ไม่ใช่เรื่องจริง แม่ก็บ่นดุบ้างแต่ไม่เคยกดดัน และรักน้องมาก ตอนนี้ ไม่ได้รู้สึกโกรธเกลียดน้อง แต่จุกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากบอกแม่ว่า "ไม่ต้องห่วงอีกแล้ว แต่ก่อนเคยอยู่ 3 คน ตอนนี้เหลือผมคนเดียว ก็อยู่ได้"
ส่วนเรื่องน้องสาวยังตอบไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรในตอนนี้ แต่อยากบอกน้องว่าไปอยู่ที่โน่น ทำอะไรให้คิดดี ๆ และเชื่อว่าน้องออกมาจะคิดได้ ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ ต้น ปราการ ที่ช่วยเหลือครอบครัวตัวเองตั้งแต่เกิดเหตุ เงินที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด จะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลแม่ หากเงินเหลือก็จะนำไปเป็นทุนการศึกษาเรียน กศน. ต่อให้จบ และจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายที่แม่ยังคงค้างผ่อนชำระห้อง ยืนยันจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่ห้องตามเดิม แล้วก็จะกลับไปทำงาน รปภ. เหมือนเดิม เนื่องจากตนเองได้สัญญากับ เจ้าของโรงงานไว้ว่าจะตั้งใจทำงานที่นี่โดยไม่ย้ายไปไหน
นายกิตติ เมาะราสี อายุ 23 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดใจกับอมรินทร์ทีวีอีกครั้งว่า แม่ของตนไม่เคยกีดกันตามที่ถูกกล่าวอ้าง เพราะไม่ทราบว่าน้องสาวมีแฟน และหลังจากที่พากลับมาที่บ้านในคราวนั้น น้องสาวของตนก็ไม่ได้มีท่าทีผิดแปลก อีกทั้งยังดูเงียบ และมีท่าทีสำนึกผิดอีกด้วย
กรณีที่น้องสาวของตนบอกว่ามีอาการทางจิต ส่วนตัวอยู่กับน้องสาวมาตั้งแต่เกิด น้องไม่ได้มีอะไรผิดแปลก ส่วนเรื่องการเรียน ตั้งแต่มีแฟนก็ยังอยู่ในระดับกลาง ๆ เท่าเดิม ไม่ได้ต่างไปจากเดิม ตอนนี้ตนยังให้คำตอบไม่ได้ว่าหากน้องกลับมาแล้วจะทำอย่างไร หลังจากที่เกิดเรื่องนั้น ตนได้เจอหน้ากับน้องสาวและแฟนของน้องสาวแล้ว แต่ไม่ได้คุยกัน ซึ่งน้องสาวของตนก็ยังไม่ได้กล่าวอะไรกับตน และเท่าที่เห็น มีอาการนิ่งเฉย ส่วนกรณีที่น้องสาวบอกว่าวางแผนคนเดียว ตนมองว่าผู้หญิงคนเดียวไม่น่าจะวางแผนเช่นนี้ได้ และน่าจะเกิดจากการร่วมมือกันมากว่า
ทั้งนี้ ยังให้ตอบไม่ได้ว่าหากน้องสาวกลับมาตนจะให้อภัยได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ไม่อยู่แล้ว และความรู้สึกในตอนนี้ไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความรู้สึกจุกจนอธิบายไม่ได้ สุดท้ายตนอยากจะฝากบอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะจากนี้ตนจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ทีมข่าวได้ไปไล่กล้องวงจรปิด วันที่ 5 เม.ย. 65 ตามคำให้การของพ่อนายบีว่าลูกชายขอให้มารับ ด.ญ.เอ ไปอยู่ด้วย โดยนายสามารถได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในเอื้ออาทร ผ่านวงจรปิดหน้าป้อม รปภ.ในเวลา 11.20 น. จะเห็นว่านายบีลูกชายซ้อมท้ายพ่อเข้ามา และสอดรับกับกล้องอีกมุมที่ใกล้กับป้อม รปภ.อย่างชัดเจน ในเวลาเดียวกัน
หลังจากมาถึง นายบีได้เดินผ่านหน้ากล้องเพื่อเดินไปยังห้องของ ด.ญ.เอ โดยนายสามารถได้จอดรถรอลูกชายอยู่บริเวณหน้าสหกรณ์ของเอื้ออาทร จากนั้นภาพที่ 3 จะเป็นภาพที่นายบีเดินไปบริเวณหน้าอาคาร 38 หน้าห้องของ ด.ญ.เอ โดยเดินวนไปวนมา แล้วก็ไปรอรับกระเป๋าเสื้อผ้า 2 ใบพร้อมด้วยตุ๊กตาอีกหนึ่งตัวของ ด.ญ.เอ ที่บริเวณหน้าต่างของห้อง แล้วก็เดินกลับออกไป
จากนั้นทิ้งระยะอยู่ประมาณ 1-2 นาที ด.ญ.เอ ก็เดินออกมาจากห้องพัก ถือถุงดำและตุ๊กตาอีก 1 ตัว เดินตามนายบีออกไป ซึ่งภาพที่ 5 จะเป็นมุมข้างสนามฟุตซอล ที่จะเห็นเช่นเดียวกันว่าทั้ง 2 คน เดินตามกันออกไป จากนั้นทั้งคู่ขึ้นรถนายสามารถที่บริเวณหน้าสหกรณ์ แล้ว ด.ญ.เอ จะเป็นคนนั่งกลางและนายบีจะนั่งซ้อนท้ายรถของนายสามารถออกไปทั้ง 3 คน
นายปืน (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เพื่อนร่วมโรงเรียนของลูกสาวผู้ตาย เผยว่า ตนพักอยู่ที่เดียวกันและเรียนโรงเรียนเดียวกับฝ่ายหญิงแต่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และเท่าที่สังเกตเห็นน้องค่อนข้างจะเก็บตัวเงียบไม่ค่อยไปไหนกับใคร ส่วนน้องผู้ชายที่คบหากันนั้น ตนเคยเห็นว่ามาที่บ้านพักอยู่หลายครั้ง และมักจะขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันไป ซึ่งระยะเวลาที่เห็นประมาณ 7-8 เดือนได้แล้ว
กระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้นส่วนตัวมองว่าทำเกินกว่าเหตุ เพราะผู้ตายคือแม่ของตัวเอง ถึงแม้จะบอกป่วยทางจิต ตนก็มองว่าไม่สมควรทำ และหลังจากที่เกิดเรื่อง ตอนนี้ทุกคนก็รู้สึกสะเทือนใจมาก และหวั่นว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้อีก เพราะตั้งแต่อยู่มาตนไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
จากการตรวจสอบในเฟซบุ๊กของลูกสาวผู้ตายที่ตั้งใจวางแผนกับแฟนหนุ่มฆ่าแม่ตัวเอง มีการระบายความในใจ คล้ายกับมีการวางแผนว่าเบื่อชีวิตที่อยู่ในครอบครัวเฮงซวย และพยายนามจะหนีออกไปจากชีวิตของแม่ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด