ตำนานก็คือตำนาน สำหรับต้นตำรับหมอลำสุดสุดฮิต “คณะเสียงอิสาน” บริหารงานโดยนักร้องหมอลำแห่งตำนาน “แม่นกน้อย อุไรพร” ท่ามกลางข่าวดราม่าถาโถมเข้ามามากมายว่า ณ ปัจจุบันต้นตำรับหมอลำจะไปต่อหรือพอแค่นี้ จนล่าสุด “เสียงอิสาน” กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งกลับการบุกโซเชี่ยลรับช่วงต่อโดยเหลนแท้ๆอย่าง “แป้ง-ณัฐธิดา พาเลาะ” ที่พร้อมเขย่าบัลลังก์วงการหมอลำ งานนี้ รายการดัง “โต๊ะหนูแหม่ม”
พูดถึงความฮิตเสียงอิสานคือตำนาน ช่วงพีคๆทำงานหนักขนาดไหน?
“เสียงอิสาน ก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 47 ปีแล้ว เริ่มต้นก่อตั้งพ.ศ. 2519 ส่วนแฟนคลับก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเช่นเดียวกันกับตำนานเสียงอิสาน โตคาวงก็มาตายคาวงก็เยอะ เป็นครอบครัวใหญ่พอมีลูกมีหลานก็ส่งต่อให้เป็นหมอลำเป็นนักร้อง ตอนนี้แฟนคลับที่อายุมากสุดก็ 80 กว่าแล้วนะน้อยสุดก็ 9 ขวบ
พีคสุดช่วงหนึ่งก็มีงานทุกวัน จะเปิดฤดูกาลช่วงตุลาคมแล้วก็จะไปปิดฤดูกาลเดือนมิถุนาคำว่าปิดก็คือไม่รับงานคอนเสิร์ตสัญจรแต่ก็จะทำงานเข้าห้องบันทึกเสียงเตรียมเพลงซ้อมรำ ก็ถ่ายหนัง ซึ่งจะไม่ได้หยุดพักเลย ช่วงที่ทัวร์คอนเสิร์ตก็เล่นตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง 2 โมงเช้าเพราะมันมีกันลำเรื่องต่อกรเหมือนลิเก ช่วงที่หยุดให้น้องในวงก็จะเป็นช่วงหน้าฝนเพื่อให้ทุกคนไปทำการเกษตรเราเองก็ต้องเตรียมงานเพื่อให้เล่นในฤดูต่อไป แต่ถ้าช่วงนี้ยุคโควิดเราก็รับงานตลอด”
เขาว่ากันว่าวงเสียงอิสานเป็นหมอลำที่มีรายได้เป็นร้อยล้าน?
“ก็เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะว่าลูกทีมของเราเกือบ 500 กว่าชีวิตรายได้ที่เราได้มาก็แบ่งก็ได้จ่ายลูกๆ จัดสรรปั่นส่วนกันไป แต่ละเดือนต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับในวงต้องมี 30,000 ถึง 50,000 ต่อวัน ยังไม่รวมถึงค่าจ้างรายวันของเด็กๆ ทุกวันนี้จาก 500 คนเหลือ 300 กว่าชีวิตที่ยังอยู่กับเรา ในชั่วโมงนี้คนตกงานเยอะก็มาสมัครมากเราก็ให้โอกาสคนที่ตกงานก่อนได้มาอยู่กับแม่มาอยู่กับเสียงอีสาน ซึ่งก็กินอิ่มนอนหลับทุกวัน
ทำงานมาเกือบ 50 ปีช่วงไหนที่วงวิกฤติหนัก?
“ก็มีช่วงโควิดนี่แหละค่ะ เพราะว่าน้ำท่วมการเมืองความรุนแรงของวัยรุ่นก็ยังมีเวลาให้เราได้เบาได้ผ่อนคลาย แต่ในชั่วโมงที่โควิดมาเราไม่มีความชัดเจนว่าเราจะเล่นได้ไหมเราจะไปแสดงได้ไหม หนักสุดก็พรุ่งนี้ภาคบันเทิงของเรา จากเมื่อก่อนที่เคยมีรถทัวร์ 30 คัน ตอนนี้ลดแล้วเหลือ 20 คัน ส่วนคนตอนนี้ก็เหลือแค่ 300 คน”
ก่อนหน้านี้มีดราม่าประกาศขายรถขายบ้าน?
“เป็นเรื่องจริงค่ะ ตอนนี้ก็ยังมีเจตนายืนยันว่ายังจะขายบ้านอยู่ซึ่งก็ยังขายไม่ได้ ส่วนเงินเก็บทั้งหมด 47 ปีคือมันก็เริ่มเป็นมูลหนี้สะสมมาตั้งแต่น้ำท่วมการเมืองมันหนักสุดทุกอย่างก็เอามาใช้หมดเลยเพื่อต่อลมในช่วงโควิดที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้สามีก็เริ่มป่วยเป็นมะเร็งความดันเบาหวานตับไตคือทุกอย่างมาเป็นแพค เราก็รักสากันมาระยะเวลาเป็น 10 ปี
เครียดหนักก็คือช่วงที่โควิดเข้ามารอบแรก คือเรายังไม่ได้ตั้งหลัก เราขอดูไม่ออกเลยว่ามันจะมานานแค่ไหน และความเครียดมันก็เลยกดดัน ขนาดที่แม่ไม่เคยป่วยเลยก็มาหมดทั้งอ้วกเวียนหัวทุกสิ่งอย่างนอนไม่หลับกินไม่ได้ร่างกายมันไม่ตอบสนอง ตอนนี้ก็เริ่มผ่อนคลายเริ่มตั้งหลักได้แล้ว”
ตอนนี้สามีอาการเป็นยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ท่านได้นั่งรถเข็นแล้วเราก็ต้องดูแลกันต่อไป เพราะว่าที่จะยงขายบ้านคือเราสองคนไม่มีลูกก็ปรึกษาแล้วว่า เค้าก็ถามเราว่าอยากพักไหมมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าโควิด ถ้าอยากพักพอก็จะปิดตำนานเสียงอีสานไม่ทำวงต่อ แม่ก็เลยบอกว่ามันไม่มีเหตุผลที่เราจะหยุดหรือจะพักงานเพราะงานมันเยอะมาก
และเราก็มีความสุขกับการได้รำได้ร้องเพราะเราเป็นศิลปิน เราก็เลยบอกว่าไม่ปิดไม่อยู่ เพราะเรามาจากศูนย์และเราก็มีทุกอย่างเราก็สนุกกับงานและงานเข้ามาด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับลูกๆ พอคุณพ่อป่วยหนักคุณพ่อก็ให้เลือกแล้วทีนี้กับการ
ติดตามงานเสียงอีสานกับขายบ้านตองห้าเพื่อพยุงเสียงอีสานไว้ ซึ่งเราก็กดดันแล้วเพราะว่าบ้านมันก็เป็นศักดิ์ศรีเป็นตำนานเป็นชีวิตของเรา”
ด้าน “แป้ง” (เหลนแม่นกน้อย) ชอบเรื่องหมอลำมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
แป้ง : “ชอบตั้งแต่ห้าขวบค่ะ สมัยก่อนหนูยังไม่ได้มาอยู่กับแม่ใหญ่หนูยังเปิดร้านอาหารอยู่กับพ่อกับแม่ที่สระแก้ว และเวลาที่แม่ใหญ่มาแสดงใกล้บ้าน พ่อกับแม่ก็จะพาไปดู เพราะสมัยก่อนหนูเป็นหางเครื่องรุ่นบุกเบิกรุ่นแรกๆ เลย และแม่ก็จะชอบพาไปดูไม่ใหญ่หนูก็ชอบนั่งดูและมีความฝันว่าวันหนึ่งจะขึ้นไปอยู่บนนั้น ซึ่งตอนเด็กก็คือร้องเพลงไม่เป็นเลยแต่เป็นคนชอบรองมากชอบแสดงออกชอบงานโรงเรียนซึ่งเสียงก็พอกลางๆ เกิดเรามีความชื่นชอบและมีความตั้งใจ
หมอลำคนรุ่นใหม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างในยุคนี้?
แป้ง : “เน้นเรื่องโซเชียลสื่อออนไลน์ต่างๆทางเพจ Facebook TikTok ไอจี ซึ่งตอนนี้คนตาม TikTok น่าจะถาม 300,000 แล้ว คือเราเน้นทุกช่องทางเลย การที่เราจะออกไปแสดงสดหน้าเวทีมันเป็นเรื่องที่แบบค่อนข้างจะยากและคนก็อาจจะเดินทางมาไม่สะดวกเค้าก็เลยจะเปิดเป็นกลุ่มปิดในกลุ่ม Facebook เป็นสตรีมไลฟ์อีกหนึ่งช่องทางที่คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเหมือนได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่ชื่นชอบ”
47 ปีของเสียงอีสานที่เราจะเป็นเจนใหม่ แป้งอยากบอกอะไร?
แป้ง : “รู้สึกภูมิใจมากๆ เลยค่ะ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกหลานบ้านตองห้าเห็นรูปหลานของแม่ใหญ่ เป็นความฝันความชอบของหนูตั้งแต่เด็ก หนูก็จะเป็นเหมือนแม่ใหญ่ให้ได้เพราะว่ามีแม่ใหญ่เป็นไอดอลมาตลอด คุณครูที่สอนร้องเพลงสอนรำ พักผ่อนที่ไม่เป็นอะไรเลยแม่ใหญ่ก็บอกว่าให้ไปฝึกเต้นไปซ้อมเต้นซ้อมรามให้ทำทุกอย่าง
ตอนนี้คือรู้สึกกดดันมากเลยค่ะที่มาถึงจุดนี้ แต่พอย้อนกลับมามองแล้วมันคือแรงผลักดันที่จะทำให้เราก้าวไปอีกขั้นหนึ่งพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง แล้วก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องสืบสานเพราะว่าเราเป็นทายาท