กรณี ร.ต.อ.พิพัฒน์ ทองร่วง พนักงานสอบสวน สภ.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา รับแจ้งเหตุพบศพผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.บริบูรณ์ อยู่สุขสมบูรณ์ ผกก.สภ.ท้ายเหมือง
โดยที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 ต.บางทอง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา พบศพ น.ส.ฉัตรฑริกา ง๊ะสมัน อายุ 29 ปี ชาว อ.ละงู จ.สตูล นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านพัก สภาพศพมีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายด้วยของแข็งหลายจุด เสียชีวิตมาไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานและนำส่งชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลท้ายเหมืองชัยพัฒน์
ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ นายสุริยา พาแก้ว อายุ 34 ปี ผู้เป็นสามี สอบสวนเบื้องต้นพบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 เม.ย.65) ทั้ง 2 คนมีเรื่องทะเลาะกัน เบื้องต้นได้เเจ้งข้อหา ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เเละจากการตรวจปัสสาวะ พบสารเสพติดอีกด้วย
ล่าสุดวันที่ 15 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ สภ.ท้ายเหมือง โดยพ.ต.อ.บริบูรณ์ อยู่สุขสมบูรณ์ ผกก.สภ.ท้ายเหมือง เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.65) เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับเเจ้ง ผัวเมียทะเลาะกัน จึงรุดไปดูที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงสอบถามถามชาวบ้าน พบว่าคู่สามีภรรยากลับเข้าบ้านเเล้ว เนื่องจากมีการทะเลาะกันประจำ คาดว่ามีการตกลงกันได้ จากนั้นเวลาประมาณ 06.30 น. ของวันที่ 15 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บางทอง ว่าพบศพหญิงสาวภายในบ้านที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวน ผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลกับตำรวจว่า เวลาประมาณ 05.00 น. ผู้ต้องหาได้ไปที่บ้านพ่อของตัวเอง เเละไปขอเเม่กุญเเจล็อกบ้าน พ่อกับเเม่จึงสอบถามว่าจะเอาไปทำอะไร เเต่ลูกไม่ยอมบอกเเละออกจากบ้าน ด้วยความแปลกใจ ผู้เป็นพ่อจึงได้ชักชวนผู้ใหญ่บ้านให้ไปดูที่บ้านที่เกิดเหตุด้วยกัน เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็ติดเท้าผู้ตายที่นอนเสียชีวิตอยู่หน้าประตู สภาพศพเเผลฉีกขาดศีรษะด้านซ้าย เเขนซ้ายหัก จึงได้เเจ้งตำรวจ ส่วนผู้ก่อเหตุได้หลบไปที่ขนำสวนยาง พ่อไปตามลูกมาที่บ้าน ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวมาชี้จุด
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้ไปตามภรรยาที่จุดบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 150 เมตร ก็พบว่าภรรยากำลังนั่งดื่มเหล้ากับผู้ชาย ด้วยความโมโหจึงได้หักโต๊ะที่บ้านเพื่อนบ้าน เเละทุบตีภรรยา เมื่อตีเสร็จก็ลากเมียกลับบ้าน โดยระหว่างทางโยนไม้ที่ใช้ก่อเหตุทิ้งข้างทาง เเละพาเมียไปล้างเลือดที่ศีรษะ ก่อนจะกลับบ้าน โดยไม่คิดว่าเมียจะเสียชีวิต
ในขณะเดียวกันที่ สภ.ท้ายเหมือง ทีมข่าวได้พบกับ นายปรีดี ง๊ะสมัน อายุ 65 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เดินทางมาจาก จ.สตูล หลังจากที่ทราบข่าวว่าลูกสาวเสียชีวิต โดยนายปรีดี เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนย้ายมาทำงานรับจ้างที่ จ.พังงา เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เเละได้คบหากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวอีกเลยตั้งเเต่นั้น มีเพียงโทรศัพท์คุยกันเท่านั้น เเต่ไม่ได้ติดต่อกันมา 4-5 เดือนเเล้ว
ส่วนนิสัยของลูกสาวเป็นเด็กดื้อรั้น ไม่ยอมคน ทำให้ทะเลาะกับสามีบ่อยครั้ง ซึ่งลูกสาวก็เคยโทรศัพท์มาเล่าให้ตนฟังเช่นกันว่า เวลาเมาสามีเมาจะทำร้ายร่างกาย ด้วยการตี เตะ และต่อย ตนก็เคยบอกให้ลูกสาวกลับไปอยู่บ้านที่ จ.สตูล เเต่ลูกสาวก็ไม่ยอมกลับไป ตนก็ไม่ทราบว่าลูกสาวติดขัดเรื่องอะไร และไม่เคยทราบมาก่อนว่าลูกสาวจะมีเรื่องชู้สาว หรืออาจเพราะตนอยู่ไกล ทำให้ไม่ทราบรายละเอียด
ทั้งนี้ เท่าที่ตนรู้ทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเวลาเมาเหล้า เเต่ก็ไม่เคยไปเเจ้งความ ก่อนหน้านี้ตนไม่มีลางสังหรณ์อะไร เพิ่งจะทราบข่าวตอนช่วงเช้าว่าลูกสาวเสียชีวิต จากตำรวจที่อำเภอละงู เนื่องจากตำรวจท้ายเหมืองติดต่อไป หลังจากทราบเรื่องตนบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอย่างไร พูดไม่ถูก จากนั้นก็จ้างรถให้พามาที่ จ.พังงา เนื่องจากตนแก่เเล้ว เเละไม่ชำนาญเส้นทาง
"ตอนนี้ผมยังไม่เจอหน้าลูกเขย เเต่ถ้าได้เจอก็อยากจะถามว่า ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ หากตอนนี้มาขอโทษก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้อภัยได้หรือไม่ อยากให้เขารับโทษสูงสุด ไม่อยากยอมความ สุดท้ายก็ต้องเเล้วเเต่ทางตำรวจ เสียใจมากที่ต้องสูญเสียลูกสาวไป" พ่อผู้เสียชีวิต กล่าว
ด้านนายอนุศิษฐ์ พาแก้ว อายุ 61 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นิสัยใจคอของลูกชายตนเป็นใจร้อน เวลาถูกภรรยาทำร้ายร่างกาย ก็มักจะทำคืน เเต่ตนต้องขอบอกเลยว่า ส่วนใหญ่เเล้วฝ่ายหญิงจะเริ่มทำร้ายลูกชายตนก่อน คบกันมา 3 ปี เเต่เพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่ อ.ท้ายเหมือง ได้ราว ๆ 6 เดือน
ทั้งนี้ ตนไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับลูกชายเเละสะใภ้มากนัก เพราะ 2 คนนี้ชอบดื่มเหล้าเเละเสพยาเสพติด งานการไม่ค่อยทำ เเต่อย่างน้อยลูกชายของตนก็ไปทำงานกรีดยาง หาเงินมาให้เมียซื้อเหล้าดื่ม ซึ่งเท่าที่ตนรู้ฝ่ายหญิงก็ไม่ค่อยดีนัก งานไม่ทำ เเล้วงานบ้านก็ยังไม่ทำอีก ตนเคยเตือนลูกชายให้เลิกกับผู้หญิงคนนี้ เเละขอให้เลิกเสพยาเเล้ว เเต่ไม่ฟังโดย 2 คนนี้ ชอบทะเลาะกันเป็นประจำ ต่างคนต่างตีทำร้ายร่างกายกัน สักพักก็กลับมาดีกัน สักพักก็ทะเลาะกันใหม่