กรณีร.ต.อ.สมชาย เกื้อสุข ร้อยเวร สภ.บางแก้ว จ.พัทลุง รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นเสียชีวิต ภายในร้านข้าวต้มตลาดพงทรัพย์ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่พื้นใกล้โต๊ะนั่งทานอาหาร มีศพของผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายวินัย พิณวงค์ อายุ 40 ปี สารวัตรกำนันตำบลโคกสัก อำเภอบางแก้ว นอนหงายเสียชีวิตถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าบริเวณโหนกแก้มซ้าย ลำคอ และหน้าอก รวม 8 นัด ใกล้กันเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่จำนวน 8 ปลอก พร้อมหัวกระสุนอีก 3 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนของ พ.ต.อ.ชาญชัย งามธุระ ผกก.สภ.บางแก้ว ทราบว่าเมื่อ 2 ปีก่อน ผู้เสียชีวิตเคยมีเหตุทะเลาะกับพ่อของนายอภินันท์ ผู้ก่อเหตุ ทำให้ไม่ถูกกัน กระทั่งคืนวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 00.20 น. มาเจอกันโดยบังเอิญ เเต่ก็ไม่เเน่ใจว่ามีปัญหาอะไรกัน จนสุดท้ายเกิดเหตุดังกล่าว ขณะนี้ตำรวจได้ขออำนาจศาลจังหวัดพัทลุง ออกหมายจับ นายอภินันท์ สุวรรณเลื่อน อายุ 34 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ในวันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว เเละชุดสืบสวนจังหวัดพัทลุง ร่วมกันทำงานกดดันเพื่อให้ผู้ต้องหายอมมอบตัว โดยญาติ ๆ ของผู้ต้องหาก็ช่วยกล่อม จนผู้ต้องหาจำยอม ขณะนี้กำลังนำตัวมาที่ สภ.บางแก้ว เพื่อสอบปากคำต่อไป
นอกจากนี้ ทีมข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงค์ ผกก.สืบสวน ภจ.ว.พัทลุง ให้ข้อมูลว่า นายวินัย หรือ สารวัตรจุก พร้อมเพื่อน (ไม่ทราบจำนวน) ได้มานั่งดื่มสุรา และข้าวต้มบริเวณร้านที่เกิดเหตุ ตั้งแต่ช่วงเวลา 20.00 - 00.20 น. ขณะที่กำลังเช็กบิลจะออกจากร้านเพื่อไปนั่งดื่มกันต่อที่ตลาดแม่ขรี อ.ตะโหมด ผู้เสียชีวิตเดินไปแวะทักทายโต๊ะข้าง ๆ ก่อนจะกลับเป็นจังหวะที่นายอภินันท์ พ่อค้าในตลาดดังกล่าวเดินทางมานั่งกินข้าวต้มและเบียร์
หลังจากนั้นนายวินัย แวะทักทายนั่งที่โต๊ะก่อนจะไปล็อกคอผู้ต้องหา เเล้วตบด้วยมือ ทำให้นายอภินันท์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. จ่อยิงไป 5 นัด จนล้มลงกับพื้น ก่อนจะยิงซ้ำอีกครั้ง รวมทั้งหมด จำนวน 8 นัด จนเสียชีวิต แล้วรีบเดินออกไปจากร้านและขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายอภินันท์ ได้เเล้ว โดยผู้ต้องหายอมมามอบตัวที่กองกำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง และผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากผู้เสียชีวิตเคยมีเหตุทะเลาะกับพ่อของนายอภินันท์ เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ไม่ถูกกัน หลังจากนั้นเมื่อเจอหน้ากัน ผู้เสียชีวิตก็มักจะพูดจาข่มเหงหาเรื่องเสมอ ๆ เช่น "พ่อมึง กูก็ต่อยมาเเล้ว" และยังเเสดงพฤติกรรมกร่าง เนื่องจากเป็นสารวัตรกำนันเเละมีปืนพกติดตัว
นายพิพัฒน์พงศ์ พรมดี อายุ 35 ปี เพื่อนของสารวัตรกำนัน และเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ ตนเเละสารวัตรกำนัน รวมกับเพื่อนประมาณ 10 คน นัดกันไปกินข้าวที่ร้านข้าวต้ม เวลา 19.00 น. กระทั่งเวลา 00.00 น. เช็กบิลจะออกจากร้าน ตนก็มองหาสารวัตรจุก เพื่อที่จะตามออกเที่ยวต่อที่ตลาดแม่ขรี อ.ตะโหมด ตนก็เห็นว่าสารวัตรนั่งอยู่ไกล ๆ ประมาณ 10 เมตร เนื่องจากเขารู้จักคนเยอะ
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที เมื่อตนลุกเดินออก หางตาก็เห็นว่าสารวัตรลุกเดินตามออกมาเเล้ว ก่อนที่ตนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด เมื่อหันไปก็เห็นสารวัตรจุก ล้มลงนอนกองอยู่ที่พื้นเเล้ว และผู้ก่อเหตุยิงซ้ำอีกคาดว่าน่าจะหมดเเม็ก ในขณะนั้นทุก ๆ คนอยู่ในอาการช็อก ทำอะไรไม่ถูก จึงไม่ทันมีใครห้ามนายอภินันท์ ก่อนที่เขาจะรีบเดินไปขี่รถจักรยานยนต์ออกไป หลังจากนั้นพวกตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจเเละกู้ภัย
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าในช่วงระหว่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของนายอภินันท์ สารวัตรจุกไม่ได้มีการล็อกคอหรือตบหน้านายอภินันท์ เเละในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทะเลาะกัน หากตนทราบก่อนว่าจะทะเลาะกันจะได้ช่วยระวังตัว แต่สาเหตุที่แท้จริงตนก็ยังไม่ทราบเช่นกัน
นายพิพัฒน์พงศ์ เผยอีกว่า เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ผู้เสียชีวิตเเละผู้ก่อเหตุ เคยมีเรื่องยาดหมางกันในงานกีฬาสีประจำชุมชน ทะเลาะวิวาทเเละขัดเเย้งกัน มีการลงไม้ลงมือชกต่อยกัน จนชาวบ้านต้องเข้ามาห้าม หลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องราวทะเลาะกันอีก ส่วนเรื่องที่บอกว่าสารวัตรจุกเคยมีเรื่องกับพ่อของนายอภินันท์ ตนไม่ทราบ เพียงเเต่ได้ยินคนอื่น ๆ พูดต่อ ๆ กันมาเท่านั้น แต่เรื่องนี้ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ก่อเหตุลงมือก็ได้
"ผมรู้จักสารวัตรดี เป็นคนดี เฮอา รักเพื่อน ชอบงานสังคม รู้จักคนเยอะ ชอบช่วยเหลือคน ไม่เคยมีพฤติกรรมกร่าง หรือใช้อำนาจข่มขู่คนอื่น ช่วยเหลือชาวบ้าน ผมมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุทำเกินกว่าเหตุไปมาก ทั้งที่เป็นคนบ้านเดียวกันแท้ ๆ คุยกันก็ได้ ทำไมต้องยิงขนาดนั้น" นายพิพัฒน์พงศ์ กล่าว
หลังจากนั้น นายพิพัฒน์พงศ์ นำภาพหน้าโลงศพของสารวัตรจุกมาให้ทีมข่าวดู เเละบอกว่าภาพนี้สารวัตรจุกได้สั่งทำภาพไว้เเล้วล่วงหน้า 3 เดือน เเละทำไว้เพื่อจะเอาไว้ติดที่บ้านหลังใหม่ โดยจ่ายเงินมัดจำไว้ 300 บาท เมื่อเช้าที่ผ่านมาได้มีญาติไปติดต่อเพื่อที่จะทำรูปหน้าโลง เเต่ทางร้านเเจ้งว่าไม่ต้องทำ เพราะสารวัตร ได้ทำไว้เเล้วล่วงหน้า จึงทำเพียงใส่วันเกิดเเละวันตายเท่านั้น
นายธีระวุฒิ พิณวงศ์ อายุ 20 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ปกตินิสัยของพ่อเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น และเข้าได้ง่ายกับทุกคน ไม่เคยมีศัตรูหรือเรื่องบาดหมางกับใคร ส่วนผู้ก่อเหตุ ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร ตนไม่รู้จักหรือสนิทสนม ทราบเเค่ว่าเป็นคนในหมู่เดียวกัน เเละไม่เคยมีเรื่องยาดหมางกับผู้ก่อเหตุมาก่อน เท่าที่ทราบเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน ที่งานกีฬาสีชุมชน พ่อของตนเคยมีเรื่องบาดหมางกับพ่อของผู้ก่อเหตุ โดยเป็นเรื่องของการเเข่งขันกีฬา กรรมการได้ตัดสินเเล้ว เเต่ฝั่งพ่อของผู้ก่อเหตุ กลับพูดจาไม่เข้าหูพ่อของตน ทำให้พ่อของตนวิ่งเข้าไปชก เมื่อเรื่องผ่านไปพ่อก็ได้ไปขอขมาพ่อของผู้ก่อเหตุ ทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่เคยมีปัญหากันอีกเลย
นอกจากนี้ เมื่อ 2-3 วันก่อนเกิดเหตุ ก็เพิ่งจะมีการเเข่งกีฬา ซึ่งพ่อของตนเเละผู้ก่อเหตุอยู่กันคนละทีม เเต่ไม่ได้เเข่งขันกัน ตนจึงไม่ทราบว่าตอนนั้นได้มีการคุยหรือมีปากเสียงอะไรกันหรือไม่ ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนไม่ทราบสาเหตุจริง ๆ รู้ภายหลังว่าพ่อถูกยิงจึงรีบไปที่เกิดเหตุ ก็ยังเห็นพ่อนอนอยู่กับพื้น ตนจึงสอบถามว่าใครทำ เมื่อทราบว่าเป็นนายอภินันท์ ตนก็รู้สึกโกรธมาก ๆ
"ตอนนี้ตำรวจคุมตัวนายอภินนัท์ได้แล้ว ผมยังไม่ได้เจอตัว หากเจอก็อยากจะถามว่า ทำไมถึงทำกับพ่อได้ขนาดนี้ เขาอ้างว่าพ่อผมใช้มือรัดคอเเละตบหน้าเขา เเต่คนเป็นจะพูดอย่างไรก็ได้ ทั้งนี้ ผมยากจะขอความเป็นธรรมในการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเเม่เเละน้องสาว อายุ 14 ปี ที่กำลังอยู่ในวัยเรียน สุดท้ายนี้ผมก็คงจะต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว เเละดูแลเเม่กับน้องต่อไป ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีลางสังหรณ์อะไร นอกจากเรื่องที่พ่อเคยสั่งทำภาพถ่ายไว้เท่านั้น เเละเคยพูดเล่น ๆ กับเจ้าของร้านถ่ายภาพว่า จะเอาภาพตั้งไว้หน้าโลงตัวเอง" ลูกชายของผู้เสียชีวิต กล่าวทิ้งท้าย