ความคืบหน้า กรณี น.ส.ลำไพ พาตะวัน อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย ร้องเรียนกับทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ถูกตำรวจ ยศรองผู้กำกับสืบสวน ของโรงพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอำนาจเจริญ พยายามจะยัดข้อหาให้กับ น.ส.ลำไพ สายลับของตัวเอง เพื่อสร้างผลงานจับกุมเรื่องเงินกู้นอกระบบ และพยายามกล่อมให้รับสารภาพรับผิด ยื่นข้อเสนอจะส่งเงินให้ โดยก่อนจะเข้าคุกเอาไปเดือนละ 5,000 บาท และระหว่างเข้าไปติดคุก จะส่งเสียให้เดือนละ 15,000 บาท
โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ผู้เสียหายตัดสินใจอัดคลิปเสียงการต่อรองกับรองผู้กำกับ และร้องเรียนไปยังทนายไพศาล ให้เข้าไปช่วยเหลือ เพราะถ้าหากไม่ยอมรับ ต้องหาหลักฐานไปต่อสู้เองในชั้นศาล
ด้านนางสาวลำไพ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนยังกังวลใจอยู่ เพราะตำรวจที่เป็นคู่กรณียังอยู่ในพื้นที่ หลังจากที่ทนายไพศาลนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ มีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. กว่า ๆ มีปริศนาขับมาวนเวียนหน้าบ้านแล้วก็ขับออกไป ทำให้ตนยิ่งหวาดระแวงเรื่องความปลอดภัย นางสาวลำไพยืนยันว่าคลิปเสียงคือนายตำรวจคนนั้นจริง และไม่เคยปล่อยเงินกู้ตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังมีคลิป ยืนยันอีกว่านายตำรวจคนดังกล่าวเคยให้ลูกน้องยศนายดาบ โทรมาสั่งให้ตนเองหนี ถ้าหากไม่ยอมติดคุก
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทนายไพศาลและสื่อมวลชนที่เข้ามาช่วยเหลือ หลังจากนี้หากคดีไม่คืบหน้าและต้องติดคุก ตนเองก็จะผูกคอตาย และไม่ยอมติดคุกเด็ดขาด เพราะการที่เข้าไปในคุกก็เหมือนการตายทั้งเป็นแล้ว
ซึ่งภาพวงจรปิด ที่ผู้เสียหายส่งให้ทีมข่าว เป็นภาพรถยนต์สีขาว ขับผ่านที่หน้าบ้านผู้เสียหาย เวลา 21.34 น. จนกระทั่งหมาเห่าเสียงดัง ก่อนจะขับรถออกไป โดยผู้เสียหายยืนยันว่ารถคันดังกล่าวที่ปรากฏในวงจรปิดไม่ใช่รถคนในหมู่บ้าน
หลังจากนั้น ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พาผู้เสียหายเดินทางไปที่ตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้บังคับการจังหวัดอำนาจเจริญ ขอให้ย้ายตำรวจทุกนายที่เกี่ยวข้องกับการยัดข้อหาสร้างผลงานออกจากพื้นที่ก่อนเพื่อความเป็นธรรม จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ และเตรียมยื่นเอาผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐประพฤติมิชอบ ปลอมแปลงเอกสารราชการ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญไปพูคุยที่บริเวณชั้น 2 โดยมี พ.ต.อ.สุขสันต์ ไตรทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ รอรับเรื่องอยู่
ทนายไพศาล บอกว่า ที่ได้เข้าไปพูดคุยกับรอง ผบก.ภ.จว. ก็ได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งทาง รอง ผบก.ภ.จว. ก็บอกว่าเพิ่งมารับตำแหน่ง แต่ทราบเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบของตำรวจ แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจ จะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ส่วนตัว รอง ผกก.ที่ผู้เสียหายเดินทางไปหาแล้วขอให้ชี้แจง แต่ทาง รอง ผกก. ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำ ก็เป็นสิทธิของท่านที่จะตอบอย่างไรก็ได้ แต่หากการพิสูจน์ยืนยันมาแล้วว่าพบทำจริง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจยศใหญ่ขนาดไหน ก็ต้องรับผิดชอบ มาทำแบบนี้ประชาชนเดือดร้อน และเสียภาพลักษณ์ต่อองค์กรตำรวจ
หลังจากนั้น ทนายไพศาลจะพาผู้เสียหายมาให้สัมภาษณ์ได้มีชายปริศนามาแอบถ่ายภาพทนายและสื่อมวลชน ทนายไพศาลจึงตะโกนไปถามชายรายดังกล่าวว่ามาแอบถ่ายอะไร ถ้าอยากจะถ่ายก็มาขอถ่ายดี ๆ อย่ามาแอบถ่ายแบบนี้ ซึ่งชายรายดังกล่าวก็บอกว่า "ผมมาปฏิบัติหน้าที่" และก็ได้เดินหนีไป
ล่าสุด ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วย ทนายอนันต์ กินาวงศ์ พา น.ส.ลำไพ ผู้เสียหาย ไปที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อขอความเป็นธรรมและชี้ตัว พ.ต.ท.ไมตรี รอง ผกก. เป็นผู้ถูกกล่าวหา
ซึ่งตำรวจนายดังกล่าว ยอมรับว่า ผู้เสียหายทำงานเป็นสายให้ตำรวจจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ใช่บุคคลตามคลิปเสียง และไม่รู้เรื่องที่มีการจัดฉากจับกุมยัดข้อหา โดยในบันทึกจับกุมสืบ สภ.เมืองเป็นคนจับ คดีนี้ผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนกับผู้การจังหวัดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนเรื่องคดีของผู้เสียหาย ตอนนี้อยู่ในชั้นศาล ตนเองไม่รู้ว่าตอนนี้ขั้นตอนไปถึงไหนแล้ว
จนผู้เสียหายต้องลงไปคุกเข่าจับขาร้องไห้ขอร้องให้ตำรวจนายดังกล่าวพูดความจริง กระทั่งทนายไพศาลเปิดคลิปเสียงให้นายตำรวจฟัง ซึ่งนายตำรวจคนดังกล่าว บอกอีกว่าเสียงที่ปรากฏอยู่ต้องไปไล่ฟังดูว่าเป็นเสียงใคร เรื่องตำรวจจะไปทำอะไรสายลับ หรือไม่ขู่ฆ่าใคร ตนเองไม่รู้ หากมีใครถูกข่มขู่จริงก็ขอให้เจ้าทุกข์มาแจ้งความกับตำรวจ เรื่องสมมติที่ทนายไพศาลตั้งคำถามขึ้นมา ไม่ขอตอบ เพราะผมไม่สามารถพูดได้ ทุกเรื่องต้องให้ผู้บังคับบัญชาเป็นคนตอบ ยืนยันว่าตนเองไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ทั้งเรื่องจับกุมทั้งเรื่องคลิปเสียง ถ้าหากกลัวว่าผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม แนะนำให้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ตนไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไรทั้งนั้น
ขณะเดียวกัน เมื่อทางรองผู้กำกับคนดังกล่าวไม่ยอมรับว่าเป็นคนในคลิปเสียง และเรื่องการจับกุม เป็นสำนวนของสืบ สภ.เมือง ทนายไพศาล จึงพาผู้เสียหายเดินทางต่อไปยัง สภ.เมืองอำนาจเจริญ เพื่อต้องการพบตำรวจชุดจับกุม สอบถามโดยอ้างอิงจากบันทึกจับกถมว่า 21 พ.ค. 64 มีการนำกำลังตำรวจ 14 นายเข้าจับกุม น.ส.ลำไพ ที่ตลาดวิชิตสิน อ.เมืองอำนาจเจริญ จริงหรือไม่
ซึ่งวันนี้ทั้งผู้กำกับ สภ.เมืองอำนาจเจริญ และชุดจับกุมทั้ง 14 คน ไม่อยู่โรงพัก จึงได้ต่อสายหา พ.ต.ท.ยอดรักษ์ ทองสง่า รองผู้กำกับสืบสวน ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจับกุม น.ส.ลำไพ ยืนยันว่าวันดังกล่าวมีการจับกุมจริง โดยได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า น.ส.ลำไพ ปล่อยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่วนรายละเอียดขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
จากนั้นทนายไพศาลได้ถามกลับไปว่าในสำนวนที่ลงไว้ว่าจับกุม น.ส.ลำไพ ได้พร้อมกับโพยเก็บเงินกู้ในกระเป๋ากางเกง ค้นโพยดังกล่าวได้ในกระเป๋ากางเกงจริงหรือไม่ ทำไมโพยเงินกู้ที่ค้นเจอในกระเป๋ากางเกงถึงไม่ยับ และลายมือก็ไม่ใช่ของ น.ส.ลำไพ แต่ พ.ต.ท.ยอดรักษ์ ก็ยืนยันว่าจับจริง ขอให้ไปติดตามรายละเอียดในชั้นศาลเอากันเอง