รวบโจรชิงทองจนมุมเพราะถอดแมสก์ รับขายทิ้งจ่ายหนี้ ร้านทองหวิดซวยซื้อของโจร (คลิป)

กรณีคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองห้างทองในห้างดัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ในวันที่ 18 เม.ย.65 ที่ผ่านมา สามารถกวาดสร้อยคอทองคำไปได้ จำนวน 13 บาท 50 สตางค์

กระทั่งเวลา 01.30 น. ของวันที่ 20 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนจ.ปัตตานี ตามแกะรอยและจับกุมตัว นายอนันตชัย หวานจันทร์หอม หรือ แอ๊ด อายุ 32 ปี ชาว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม คนร้ายรายนี้ได้สำเร็จบริเวณหน้าร้านบูมเมอร์แรง ถนนนิพัทธิ์ภักดี เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อตรวจค้นตัวยึดสร้อยคอทองคำ 3 เส้น น้ำหนักประมาณ 3 บาท และจากการตรวจสอบประวัตินายอนันตชัย เคยเป็นอาสาสมัครกู้ชีพปัตตานี

ล่าสุดวันที่ 20 เม.ย.65 เวลา 04.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ได้นำตัวนายอนันตชัย มาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองปัตตานี โดยผู้ต้องหารายนี้รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ นำไปฝากไว้กับเพื่อนที่บ้านเช่า ในพื้นที่ ม.7 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้น และพบรถคันก่อเหตุ แต่มีการดัดแปลงโดยการใช้สีสเปรย์พ่นทับ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอีกราย ซึ่งเป็นเพื่อนเนื่องจากพบว่ามือมีร่องรอยของสีสเปรย์ ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองปัตตานี

นายอนันตชัย ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนไม่ได้เล่นการพนัน แต่มีหนี้เงินกู้เยอะมาก ๆ จึงก่อเหตุเช่นนี้ และตนไม่มีการวางแผนล่วงหน้าแต่อย่างใด แค่ไปดูลาดเลามาก่อนจะลงมือ 1 วัน และไม่เคยก่อเหตุที่หาดใหญ่หรือที่อื่น ๆ มาก่อน ตนเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีใครร่วมก่อเหตุ มีแค่ขอให้เพื่อนช่วยพ่นสีรถให้เท่านั้น ซึ่งรถที่ใช้หลบหนีก็เป็นของตน ส่วนทองทั้งหมดนำไปขายในพื้นที่หาดใหญ่ และแบ่งขายหลาย ๆ ร้าน

พ.ต.อ.ญาณพงศ์ อุบลบาน ผกก.สภ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่า ก่อนผู้ต้องหาไปชิงทองก็ได้เข้าไปกดเงินที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ตรงข้ามห้างดังกล่าว จากนั้นจึงได้เข้าไปซื้อน้ำในร้านสะดวกซื้อ ผู้ต้องหาได้ถอดแมสก์เพื่อดื่มน้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพวงจรปิดเห็นหน้าตาชัดเจน รู้เส้นทางหลังก่อเหตุที่ใช้หลบหนี เมื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงกับมือถือ สรุปว่าตรงกันทั้งหมด จึงขออนุมัติจากศาลเพื่อขอหมายจับ เนื่องจากผู้ต้องหามีการเคลื่อนไหวไปที่ อ.สะเดา และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวเข้าจับกุมทันที

หลังจับกุมได้และได้ขยายผลจึงทราบว่ารถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุยังอยู่ในพื้นที่ปัตตานี จึงเข้าไปตรวจสอบพบรถที่ซุกซ่อนในบ้านหลังหนึ่ง และมีการพ่นสีเพื่อดัดแปลงรถ จากเดิมสีดำพ่นสีเป็นสีเงิน และยังได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอีก 1 คน จากที่ดูมือก็พบว่ามีร่องรอยของสีติดอยู่จึงคุมตัวไว้ หลังจากนี้จะสอบสอบว่ามีความเกี่ยวข้องตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุหรือหลังก่อเหตุ นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืน ตรวจแล้วเป็นอาวุธปืนบีบีกัน และยังพบกระเป๋าที่ใส่ปืน และทองอีกด้วย

ผกก.สภ.เมืองปัตตานี กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ทราบว่าทองที่ชิงมานั้น นำไปขายที่ร้านทองทั้งหมด 7 ร้าน ใน อ.หาดใหญ่ ร้านละ 1-2 เส้น คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่คลี่คลายได้เร็ว ตำนวจพยายามทำให้ประชาชนมั่นใจว่า จ.ปัตตานี ปลอดภัยที่สุด เหตุการณ์ไม่ใช่เกิดเฉพาะ 3 จังหวัด ที่ไหนก็มี แต่เมื่อเกิดแล้วต้องจับได้ ดีที่สุดก็ไม่อยากให้เกิด ส่วนผู้หญิงที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด หลังเกิดเหตุเจ้าตัวมาให้ปากคำ และมีความสอดคล้องทุกอย่างว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง จึงได้ตัดประเด็นนี้ทิ้ง

น.ส.ณัฐชยา เสนางคนิกร เจ้าของร้านทองไทยดี 1 กล่าวว่า ขณะนั้นคนร้ายนำทองเส้นละ 6 สลึง จำนวน 3 เส้นมาขอเปลี่ยนเป็นเส้นใหม่ ตนจึงเปลี่ยนให้ไปโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งมาทราบจากข่าวก็ตกใจ จึงนำตะขอของทองมาดูเทียบกับร้านทองคนร้ายขโมยมา ตนยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่