กรณีการแถลงข่าวของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำคดีของนางสาวแตงโม โดยตั้งข้อสังเกตและพิรุธในหลายประเด็น โดยเฉพาะการตรวจพิสูจน์หลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่สามารถตรวจพบพยานหลักฐานบนเรือที่เกิดเหตุตั้งแต่วันแรก คาดว่าเกิดจากการสร้างพยานหลักฐานเท็จ และเชื่อได้ว่าแตงโมไม่ได้มีการตกท้ายเรืออย่างที่แซนให้การนั้น
ด้าน พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ระบุว่า ตนเองได้ดูการแถลงข่าวผ่านไลฟ์สด ซึ่งทราบว่าการหาพยานหลักฐานของกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าครั้งที่ 1-2 ไม่สามารถที่จะหาหลักฐานบางอย่างเจอ โดยเฉพาะเรื่องของเส้นผม หรือแม้แต่แก้วไวน์ ส่วนตัวมองว่าการทำงานของตำรวจโดยเฉพาะชุดสืบสวนสอบสวน เป็นไปตามธงที่มีการตั้งเอาไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งเชื่อมั่นว่าเป็นเพราะคำให้การของคนบนเรือบางคน ยืนยันว่าเป็นการตกท้ายเรือ ทำให้จึงต้องมีการหาหลักฐานเฉพาะขอบเขตที่ตั้งธงเอาไว้ ไม่ได้มีการหานอกเหนือไปจากนั้น แต่การที่มาเจอเพิ่มเติมหรือมาเจอภายหลัง ก็เท่าที่ทราบกันดี ทุกอย่างก็ยังอยู่ภายใต้ขอบเขตของคำให้การของใครบางคน หรืออาจจะมีความเป็นไปได้ว่าเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จตามที่นายอัจฉริยะตั้งข้อสังเกต เพราะทุกอย่างจะต้องสัมพันธ์กันและตอบข้อสงสัยในธงที่ตั้งเอาไว้ ดังนั้นก็ไม่ผิดพลาดไปจากแนวทางการทำงานที่วางแนวเอาไว้ตั้งแต่แรก
สำหรับในประเด็นที่นายอัจฉริยะยืนยันชัดเจนว่าแตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ แต่อาจเกิดจากฆาตกรรม จากพฤติกรรมของคนบนเรือ หรืออาจจะทำให้ตกที่หัวเรือนั้น ตนเองก็เชื่อว่านายอัจฉริยะอาจจะมีข้อมูลที่จะนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนและสาธารณะ แต่ในมุมของตนเองก็ยังมองต่าง เพราะเนื่องจากมีการรวบรวมพยานหลักฐาน และสืบทราบข้อมูลเชิงลึก ยืนยันว่ามีบุคคลอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และรวมถึงสถานที่ต่าง ๆ แม้กระทั่งลานทรายที่เกี่ยวข้องกับการเอาทรายออกจากเท้า ยืนยันว่าแตงโมเสียชีวิตบนบก และลักษณะศพก็คล้ายกับมีรอยบวมจากการถูกแหหรือตาข่าย ก่อนจะมีการจัดฉากเอามาโยนทิ้งน้ำ ซึ่งตนเองก็ยังคงยืนยันตามพยานหลักฐานที่ตนเองมี เพียงแค่ตอนนี้ติดอยู่เรื่องของพยานแวดล้อม คือกล้องวงจรปิดโดยได้มีการทำหนังสือไปยังโรงพักเมืองนนทบุรี เพื่อขอให้มีการออกหนังสือและใบแจ้งความจากทางตำรวจ เพื่อที่จะนำใบดังกล่าวไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อนำมาประกอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติม เพื่อให้ข้อมูลของตนเองมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้แม้ว่าจะมีการยื่นหนังสือไปแล้วทุกอย่างกลับเงียบหาย และทราบจากผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 ออกมายืนยันว่าในวันที่ 26 เม.ย.นี้ จะมีการสรุปสำนวนและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ตนเองก็มองว่าตำรวจได้มีการประวิงเวลาไม่ออกหนังสือดังกล่าวให้กับตนเอง และไม่ต้องการที่จะให้ตนเองไปเอาหลักฐานชิ้นดังกล่าว ดังนั้นถ้าหากตำรวจเชื่อหรืออยากจะให้ความจริงปรากฏ ก็อยากให้มีการออกหนังสือใบแจ้งความดังกล่าวเพื่อให้ตนเองไปเอาภาพหลักฐานพยานหลักฐานดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารณะ และแม้ว่าข้อมูลของตนเองจะต่างจากนายอัจฉริยะ ตนเองก็ยังเชื่อมั่นว่าข้อมูลของตัวเองมาถูกทาง
ส่วนการสรุปสำนวนในวันที่ 26 เม.ย. ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 ยืนยันชัดเจน พ.ต.ท.สัทธนะ บอกว่า หากวันแถลงข่าวดังกล่าว ได้มีการนำผลการตรวจชันสูตรศพที่มีการปิดผนึก ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเป็นผลจากนิติวิทยาศาสตร์ครั้งที่ 2 ที่สามารถที่จะเปิดเผยถึงรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับร่องรอยบนร่างกายของนางสาวแตงโม เกี่ยวกับสภาพบาดแผล 22 แผล ซึ่งถ้าหากมีการเปิดเผยในการแถลงข่าวได้วันดังกล่าว จะทำให้ทุกอย่างคลายข้อสงสัย และมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากส่วนตัวมองว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ แต่อาจเกิดจากตาข่ายดักปลา หรือการผูกมัดพันธนาการ จนทำให้เกิดบาดแผล และเมื่อมีการค้นหาศพ แต่ไม่เจอ จึงมีการปลดตาข่ายดักปลา หรือแม้แต่เชือกที่ผูกเอาไว้เพื่อให้ศพลอยออกมาให้คนเห็น
ถ้าหากเทียบจากสภาพศพคนจมน้ำตามสภาพศพของคนอื่นที่เป็นเคสคนจมน้ำตาย หากมีการจมน้ำ 2-3 วัน สภาพศพจะไม่อยู่ในลักษณะแบบนี้ เส้นเลือดจะไม่ชัดและอาจจะพองตัวมากกว่านี้ ดังนั้นตนเองจึงเชื่อว่าสภาพศพอืดช้ากว่าศพอื่น จึงอาจไม่ได้อยู่ในน้ำตั้งแต่แรก