กรณีคุณแม่รายหนึ่งโพสต์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ก เผยแพร่ข้อมูลการเสียชีวิตของน้องออกัส อายุ 3 ขวบ ลูกชาย โดยมีระบุข้อความว่า “น้องมีอาการตัวร้อน 2 วัน พอกินยาก็หายร้อน เล่นได้ กินได้ ร่าเริงปกติ จนเมื่อวานตอนเช้า น้องบอกหายใจไม่ออก กระสับกระสาย รีบพาน้องไปโรงพยาบาลตาคลี พอไปถึงหมอไม่มาช่วยอะไร บอกไปแล้วว่าน้องหายใจไม่ออก ไม่มาดู จึงจะย้ายไปรวมแพทย์ ยังไม่ทันย้ายน้องมีอาการเกร็งตาค้าง ตะโกนให้หมอมาช่วยถึงปั๊มหัวใจ คนเป็นแม่ต้องทนเห็นลูกจากไปอย่างทุรนทุราย ภาพมันยังติดตา ทำใจไม่ได้จริง ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
ล่าสุดวันที่ 25 เม.ย.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังวัดหนองลาดสามัคคี หมู่ 6 ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลของน้องออกัส ก่อนญาติ ๆ จะทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 27 เม.ย.65 โดยครอบครัวครัวได้นำของเล่นและอาหารมาวางไหว้ศพ ประกอบไปด้วย แกงส้ม ต้มพะโล้ ข้าวเหนียวมะม่วง และน้ำชาเขียว
นางคีระยา ตู้เจริญ อายุ 28 ปี แม่ของน้องออกัส กล่าวว่า ตนมีลูกชาย 3 คน ได้แก่ น้องทีเค อายุ 7 ขวบ น้องออกัส อายุ 3 ขวบ และน้องออก้า อายุ 1 ขวบ ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 65 น้องออกัสป่วยเป็นโรคโควิด-19 แต่รักษาหายแล้ว ต่อมาในช่วงเย็นของวันที่ 21-22 เม.ย.65 น้องออกัส ป่วยมีไข้จึงกินยาลดไข้ตามอาการ รวม 4 ครั้ง เมื่อกินยาไข้ก็ลดตามปกติตนจึงไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 23 เม.ย.65 เวลา 07.00 น. น้องออกัส มีไข้สูงและมีอาการกระสับกระส่ายหายใจไม่ออก
ทั้งนี้ ตนจึงไหว้วานให้ลุงขับรถพาตนและลูกชายไปส่งที่โรงพยาบาล เดินทางถึงโรงพยาบาลในเวลา 07.30 น. จากนั้นตนก็ทำบัตรคนไข้ วัดระดับออกซิเจน วัดไข้ได้เกือบ 39 องศาเซลเซียล (38.75) ซึ่งตนได้บอกพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินแล้วว่า ขอให้ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อน พยาบาลจึงบอกว่าจะเช็ดตัวให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ได้แต่บอกว่า "แป๊บหนึ่งค่ะ ๆ" หลายรอบ
ในเวลา 08.00 น. ตนตัดสินใจว่าจะไม่รอรับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว จึงบอกให้ลุงวนรถมารับ ขณะนั้น ตนได้เข้าไปพลิกตัวลูกชาย แต่ปรากฎว่าลูกชายตาค้าง ไม่พูดไม่จา นอนนิ่ง ตัวเกร็ง ตนจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจึงได้รีบวิ่งมาช่วยกันปั๊มหัวใจ พร้อมเข็นลูกชายของตนเข้าไปภายในห้องฉุกเฉิน จากนั้นก็ได้ออกมาบอกกับตนว่า “น้องชีพจรจงต่ำ”
นอกจากนี้ ระหว่างนั้นตนทำได้แต่รอ จนเวลาผ่านไปเจ้าหน้าที่ก็ได้ออกมาบอกว่า “น้องชีพจรหาย” ตนถึงกับเป็นลม ก่อนจะทราบอีกครั้งว่า “น้องเสียชีวิตแล้ว” ตนรีบโทรศัพท์แจ้งครอบครัว แต่ไม่กล้าบอกสามี เพราะกลัวว่าสามีจะรับไม่ได้ จากนั้น ทีมแพทย์ก็ได้นำร่างของลูกชายตนไปเอกซเรย์ แจ้งผลว่าลูกชายของตนน่าจะปอดบวม ปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง แต่ต้องชันสูตรอีกครั้งจึงจะสามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ชัดเจน แต่ตนปฏิเสธเพราะอยากพาลูกชายกลับบ้าน และไม่อยากให้ลูกชายต้องทรมานอีกแล้วแม้เขาจะไม่มีชีวิต
อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ติดใจอะไรเลย หากลูกชายได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกชายของตนมีไข้สูง แต่กลับไม่ได้รับการดูแล ทั้ง ๆ ที่มีคนไข้เพียงคนเดียวที่รอคิวก่อนหน้าลูกชาย ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนเคยฝันว่าตนฟันหักซึ่งถือว่าเป็นลางร้าย แต่ตนไม่คาดคิดว่าเหตุร้ายจะเกิดกับลูกชาย ตนไม่ได้หวังอะไรจากโรงพยาบาล เพียงแต่อยากได้รับคำขอโทษ และค่าใช้จ่ายงานศพ พร้อมทำบุญให้ลูกชายของตนก้พอแล้ว
ทีมข่าวยังได้รับคลิปวิดีโอขณะเจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจน้องออกัส จากชาวบ้านที่สามารถถ่ายคลิปเอาไว้ได้ โดยภายในคลิปจะได้ยินเสียงร้องไห้ของนางคีระยาอยู่ตลอดเวลา พร้อมพูดว่า “บอกแล้วว่าลูกหายใจไม่ออก ๆ”
ขณะเดียวกันในเวลาประมาณ 15.15 น. แพทย์หญิงศรุตา ช่อไสว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตาคลี พร้อมคณะแพทย์ได้เดินทางมาไหว้ศพของน้องออกัส พร้อมพูดคุยชี้แจ้งกับครอบครัว ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร
แพทย์หญิงศรุตา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนทราบเหตุตั้งแต่วันเกิดเหตุ จากนั้นก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จึงได้เดินทางมาชี้แจงกับครอบครัวของน้องออกัสในวันนี้ ทางโรงพยาบาลขอชี้แจงว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุ ขณะนั้นมีผู้ป่วยอุบัติเหตุรถชนและผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่ภายในห้องฉุกเฉิน จึงอาจทำให้ไม่สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โดยทางโรงพยาบาลจะนำข้อผิดพลาดไปปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น
สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของน้องออกัส ในใบมรณะบัตร ระบุว่า ภาวะแทรกซ้อนจากโควิด-19 และปอดอักเสบรุนแรง ซึ่งเป็นการระบุสาเหตุที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ แต่สาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากแพทย์จะต้องทำการชันสูตรก่อน แต่ครอบครัวไม่ประสงค์จะให้แพทย์ผ่าชันสูตรแล้ว ทั้งนี้ คงไม่มีใครทำใจได้ในเวลาอันสั้น ในส่วนการเยียวยาครอบครัวทางโรงพยาบาลจะร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพ พร้อมดูแลในส่วนที่จะทำได้แต่รายละเอียดนั้นจะต้องประชุมอีกครั้ง