แทบอ้วก! คลิปว่อนสั่งทหารกินอสุจิ แฉจ่าทักษิณคนขู่ ค่ายแจงไม่จริง ไม่อุตริทำพิเรนทร์ (คลิป)

จากกรณีเพจ "คนข่าวเมืองปทุม" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก ระบุว่า บังคับทหารกินน้ำเชื้อนี่หรือการรับใช้ชาติของไทย ต้องมานั่งกินน้ำเชื้อตัวเอง เกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ที่ไหน การรับน้องผลัด คนสั่งคือจ่าโททักษิณ"

ล่าสุด วันที่ 28 เม.ย. 65 ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ทหารเกณฑ์ที่ปฏิบัติหน้าที่จุดรักษาการ กล่าวถึงกรณีที่มีคลิปการทำโทษทหารเกณฑ์ โดยให้กินน้ำเชื้อของตัวเอง ยอมรับว่าได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าที่ปรากฏในคลิปวิดีโอคือทหารเกณฑ์ของฐานทัพเรือสัตหีบจริง คนที่ทำโทษก็เป็นครูฝึกจริง และมีการให้กินน้ำอสุจิผสมกับน้ำปลาด้วย

โดยพลทหาร บอกอีกว่า ทหารที่ถูกทำโทษภายในคลิปได้ปลดประจำการแล้ว ทราบว่าเป็นทหารเกณฑ์ที่ฝึกประจำการ 6 เดือน ที่ใช้วุฒิปริญญาตรีมายื่น ส่วนตัวแล้วตนไม่เคยถูกทำโทษลักษณะนี้ การทำโทษทั่วไปก็จะเป็นการดันพื้น การวิ่งรอบสนาม แต่ก็ทราบมาว่ามีการทำโทษลักษณะนี้เช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่กับกองร้อยที่ตนอยู่ ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกไม่ดี หากตนถูกทำโทษในลักษณะนี้

ด้านพลทหารเกณฑ์ของกรมหนึ่ง บอกว่า จ่าโททักษิณเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่ในกองร้อยจริง แต่ตนไม่ได้อยู่ในกองร้อยเดียวกับจ่าโททักษิณ ปกติก็จะเห็นจ่าโททักษิณขับขี่รถจักรยานยนต์เข้า-ออกอยู่บ้าง แต่วันนี้ยังไม่เห็น

สำหรับจ่าโททักษิณ ตนไม่รู้จักนิสัยใจคอ และไม่ทราบเรื่องทำโทษให้กินน้ำเชื้อมาก่อน ทราบเพียงว่าจ่าโททักษิณมาได้ไม่ถึง 1 ปี สำหรับตนเองแล้วเท่าที่อยู่ในกรมรักษาความปลอดภัยนาวิกโยธิน ก็จะมีบ้างเมื่อถูกทำโทษหรือรับน้อง แต่จะเป็นการทำโทษทั่วไปเช่นการวิ่งรอบสนาม เท่าที่ทราบก็มีกฎออกมาว่าห้ามผู้บัญชาการแตะต้องตัวทหารเกณฑ์เลย

เรือโทอนันท์ ทองเกิด ผบ.กองรักษาการณ์ นย. บอกว่า ตนได้เรียนเรื่องนี้ให้กับผู้บัญชาการกรมทราบแล้ว หากมีการกระทำผิดจริงก็จะมีการตรวจสอบและทำโทษต่อไป เพราะปกติกฎระเบียบของทหาร ผู้บัญชาการไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวพลทหารอยู่แล้ว การทำโทษหรือรับน้อง จะทำได้เพียงลักษณะของออกกำลังกายเท่านั้น เช่น ดันพื้น วิ่งรอบสนาม

ส่วนจ่าโททักษิณ ล่าสุดทราบว่ามีรายชื่อไปอยู่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ ส่วนตัวแล้วตนไม่เคยรู้จักไม่เคยพูดคุยด้วย ไม่รู้จักนิสัยใจคอ "สมัยนี้การทำโทษทหารแบบพิสดารแทบไม่มีแล้ว เพราะก็รู้อยู่ว่า Social Media ค่อนข้างที่จะไว ครูฝึกหรือผู้บัญชาการแทบจะแตะต้องเนื้อตัวของทหารเกณฑ์ไม่ได้เลย"

ถ้าเคสนี้เกิดขึ้นจริงก็เชื่อว่าต้องเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างทหารเกณฑ์ และผู้บังคับบัญชาแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากผู้บัญชาการกรมทราบก็จะถูกทำโทษอย่างหนักแน่นอน