เปิดหน้าท้าชน คอลัมภ์พิเศษสำหรับคอการเมืองที่จะพาไปดูผู้สมัครในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะคู่ที่สูสี เป็นเขตช้างชนช้าง และวิเคราะห์จุดแข็งแต่ละผู้สมัคร ระหว่างคนที่เปิดหน้าลงพื้นที่ กับฝ่ายที่ท้าชนลงชิงพื้นที่ ส.ส. จะมีความสูสีกันขนาดไหน วันนี้ (27 ก.พ.62) ไปกันที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นอีกจังหวัดที่การแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะเป็นพื้นที่หลักของพรรคเพื่อไทย ที่ฝังรากลึกมายาวนาน แต่ทางพลังประชารัฐ ก็ดึงอดีต ส.ส.ที่มีคะแนนสูสี แพ้กันไม่ขาด มาลงประกบ โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 4
จ.ศรีสะเกษ เขตเลือกตั้งที่ 4 เดิมในปี 2554 เป็น เขต 3 อ.กันทรลักษ์ (ยกเว้น ต.ภูเงิน) แต่ในปี 2562 เปลี่ยนเป็น เขต 4 อ.กันทรลักษ์ (ยกเว้น ต.ภูเงิน)
เปิดหน้า: พรรคเพื่อไทย
นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ สามีเจ้าของพื้นที่เดิม นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ (31,805 คะแนน) จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งลงในนามพรรคเพื่อไทย
ก่อนหน้านี้ที่ตัวจริงไม่ได้ลงเอง เพราะติดคดียุบพรรคไทยรักไทย ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี แต่คราวนี้มาลงเอง ซึ่งก็ยังคงได้รับเสียงสนับสนุนจากฐานเดิมใน อ.กันทรลักษณ์ แต่ที่ได้เปรียบกว่าคนอื่น คือ ตระกูลเพ็งนรพัฒน์กระจายอยู่ในการเมืองท้องถิ่นหลายคน และหลายระดับ
ซึ่งก็แน่นอนว่า หมอจาตุรงค์ ตุนคะแนนในมือไว้มากโขอยู่ ทางด้านแกนนำพรรคก็ตั้งความหวังเต็มที่ แตะมือสลับกันลงพื้นที่ต่อเนื่อง ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หวังดึงคะแนนจากกองเชียร์ แฟนคลับพรรคเพื่อไทย มาหนุน หมอจาตุรงค์อีกต่อ แต่ที่ต้องระวัง คือ การเมืองที่แข่งขันกันรุนแรง จะถอดใจก่อนหรือไม่ เพราะก่อนเลือกตั้งปี 2554 หมอจาตุรงค์ ก็เคยโดนคนร้ายปาระเบิดหน้าบ้านพักมาแล้ว
ผู้ท้าชน: พรรคพลังประชารัฐ
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ เป็นอดีต ส.ส.ศรีสะเกษมาตั้งแต่ดั้งเดิม สมัยเลือกตั้งปี 2535 ซึ่งตอนนั้นอยู่กับพรรคความหวังใหม่
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ ย้ายมาอยู่กับพรรคไทยรักไทยก็ยังชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส.อยู่ ฐานเสียงหลักอยู่ใน อ.กันทรลักษณ์ เป็นที่รักของชาวบ้าน และยังเชียร์อยู่ตลอด เคยได้เป็นถึงรองโฆษกรัฐบาล สมัย นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่ระยะหลังเริ่มสอบตกติดๆ กันหลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งล่าสุด เมื่อปี 54 ที่อยู่กับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (30,315 คะแนน) ที่แพ้ให้กับ นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ จากพรรคภูมิใจไทย (31,805 คะแนน) แต่ก็แพ้แบบฉิวเฉียด คะแนนไม่ขาด แพ้ไปเพียง 500 คะแนนเท่านั้น จึงมีลุ้นว่า น่าจะเบียดแย่งเจ้าของพื้นที่เดิม สอดแทรกเก้าอี้ของพลังประชารัฐในเขตนี้ได้