หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวเรื่อง
ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือครูอ้อย เข็มทิศชีวิต เกิดขึ้นมากมายหลายประเด็น ทั้งเรื่องศิลปินออกมาให้ข่าวกรณีครูอ้อยใช้ภาพโปรโมทคอร์สบรรยาย จนต้องออกมาแถลงข่าวว่าถูกส่งจดหมายขู่เรียกค่าไถ่ 11 ล้านบาท ก่อนยื่นหลักฐานต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ล่าสุด 19 มิถุนายน 2560 นายบอส (นามสมมติ) ได้ส่งข้อความเข้ามาในเเฟนเพจเฟซบุ๊ก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34 โดยระบุข้อความว่า "ได้รับความเสียหายจากการชักชวนของ ครูอ้อย ฐิตินาถ ในการให้ร่วมลงทุนด้วยการซื้อหุ้น " พร้อมบอกว่ามีหลักฐานเป็นภาพห้องแชทไลน์พูดคุยกับครูอ้อย
นายบอส เปิดเผยว่า ประมาณปี 2557 ครูอ้อย ฐิตินาถ ได้ติดต่อเข้ามาในเเฟนเพจเฟซบุ๊กตน ที่เปิดเพจให้คำปรึกษาเรื่องการเล่นหุ้น ซึ่งครูอ้อยชักชวนให้เข้าฟังสัมมนาที่ครูอ้อยเป็นผู้จัดโดยให้ตนไปบรรยายเรื่องหุ้น ให้ความรู้แก่นักลงทุน มีลูกศิษย์ครูอ้อยมากกว่า 100 คน ส่วนตัวคิดว่า การจัดสัมมนาเรื่องหุ้นครั้งนั้น สร้างความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจลงทุนให้กับผู้ฟัง
เมื่อปี 2558 ก็เริ่มสนิทกับครูอ้อยและทีมงานมากขึ้น ถึงขั้นเคยไปบ้าน ต่อมาครูอ้อยก็เริ่มชักชวนให้ตนเข้าร่วมลงทุน เข้าซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งครูอ้อยเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 3 ทำให้สร้างความเชื่อมั่น ครูอ้อยมีการบอกข้อมูลเชิงลึกถึงเป้าหมายของราคาหุ้น ว่าจะขึ้นไปสูงถึง 15 บาทต่อหุ้น และบอกหากขาดทุนจะรับผิดชอบค่าเสียหาย ปกติแล้วการบอกข้อมูลเชิงลึกแบบนี้ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายหลักทรัพย์ ตนจึงตัดสินใจร่วมลงทุน โดยลูกค้าที่ให้ตนดูแลเรื่องหุ้นให้หลายราย ก็นำเงินของลูกค้ามาซื้อหุ้นในหุ้นที่ครูอ้อยถือ เริ่มลงทุนจาก 5-6 ล้านบาท และมียอดลงทุนสูงถึง 20 ล้านบาท
นายบอส เปิดเผยอีกว่า หลังเริ่มซื้อหุ้น ภายในเวลา 3 เดือน ยอดหุ้นตกจาก หุ้นละ 4 บาท 50 สตางค์ เหลือ 2 บาทกว่าต่อหุ้น ตนจึงตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมด ทำให้ขาดทุนกว่า 13 ล้านบาท ปัจจุบันหุ้นดังกล่าวอยู่ที่ราคา 21 สตางค์ต่อหุ้น และไม่เคยขึ้นมาสูงกว่าที่ตนขายอีกเลย
ตลอดเวลาที่ถือหุ้น มีการพูดคุยกับครูอ้อยเสมอ ซึ่งครูอ้อยจะบอกว่าอย่าเพิ่งขายหุ้น ให้ถือไว้ก่อน โดยออกอุบายว่าขณะนี้ทีมงานกำลังจัดการอยู่ พร้อมบอกผ่านข้อความไลน์ว่า จะรับผิดชอบหากขาดทุน ส่วนตัวรู้จักครูอ้อยได้ไม่ถึง 1 เดือน ก็ตัดสินใจลงทุน เพราะคิดว่าคนที่เรียกตัวเองว่าครู ไม่น่าจะทำกันแบบนี้ วันนี้จึงอยากออกมาให้เรื่องของตนเป็นบทเรียนของหลายๆ คน
นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังบอกว่า หลังจากที่ขาดทุนแล้ว ตนเคยถูกลูกค้าจับตัวไปเพราะเรียกร้องค่าเสียหาย จนกระทั่งตกลงได้ ปัจจุบันตนยังต้องผ่อนชำระค่าเสียหายอยู่เดือนละหลายหมื่น เพื่อชดใช้เงินค่าเสียหาย 13 ล้านบาทที่สูญไป