จากกรณีชายอายุประมาณ 60 กว่าปี ชาวไทยเข้าไปซื้อทองในร้านทองแห่งหนึ่ง ในแขวงสะหวัน เขตประเทศลาว แล้วขอให้ชําระเงินโอนบัญชีไทย โดยการโอนจํานวน 6 แสนกว่าบาท
หลังจากนั้นยอดคงเหลือถูกยกเลิก จึงได้สอบถามไปยังธนาคาร บอกเป็นยอดเงินของเช็ค ที่รอเคลียร์เข้าบัญชี แต่ที่โชว์ในบัญชีมียอดคงเหลือปกติ ขึ้นอยู่กับ CLEARINGCHECK ซึ่งธนาคารคิดว่าเป็นเช็คที่สั่งโดยไม่มีเงินในบัญชี สามารถยกเลิกได้ในภายหลัง
วันที่ 17 มิ.ย. 65 ช่วงเวลา 13.00 น. ผู้เสียหาย เจ้าของร้านทอง เดินทางข้ามประเทศจากฝั่งสปป.ลาว มาเพื่อส่งมอบหลักฐานเพิ่มให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองมุกดาหาร
ท้าวสมประดิษฐ์ สุริยา อายุ 34 ปี เจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับทางร้านเป็นอย่างมาก เพราะมิจฉาชีพน่าจะมีมากกว่า 1 คนแน่นอน เนื่องจากมีการเอาเงินเข้าบัญชีในธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร เพื่อที่จะให้มียอดเงินในบัญชี โดยชายคนดังกล่าวบอกว่าจะทำการโอนเงินเข้าธนาคารกรุงศรี พอหลังจากที่เข้าโอนเข้ามาเงิน ก็ขึ้นโชว์ในยอดคงเหลือ
ตนก็คิดว่าเงินเข้าแล้ว เลยเอาทองให้ชายคนนั้นไป หลังจากนั้นพอจะโอนเงินออก แต่ไม่สามารถโอนออกได้ ก็เลยโทรไปที่ธนาคาร โดยทางธนาคารบอกว่าเงินเข้าแล้ว แต่รอเคลียริ่งเช็ค เพราะเป็นต่างธนาคารต้องรอวันถัดไป พอวันต่อมายอดที่โอนเข้ากลับถูกตัดออกไปเอง จึงได้โทรถามธนาคารอีกครั้ง ซึ่งธนาคารบอกว่าเคลียริ่งเช็คไม่ผ่าน
จาการสืบค้นประวิติ ชื่อว่านายรชต วิไลเจริญพงศ์ หรือ กรณ์ แตงจุ้ย หรือ พ.ต.ท.ครรชิต แตงจุ้ย อดีตรองผกก.จร.สน.บางรัก ซึ่งเคยถูกจับเมื่อปี 2558 คดีฉ้อโกงร้านทอง โดยทำทีซื้อทองแท่งหนัก 150 บาท มูลค่า 2.7 ล้านบาท จากร้านดังในห้างมาบุญครอง แล้วใช้เช็คเงินสดของเจ้าของตัวจริงที่แจ้งหายเป็นค่าชำระ เหยื่อหลงกลเห็นยอดเงินเข้า แต่เบิกไม่ได้ เช็คเด้ง เนื่องจากลายเซ็นไม่เหมือนเจ้าของที่ให้ไว้
โดยก่อนหน้านี้ใช้อุบายเดียวกันกับร้านทองอีก 2 แห่ง รวมน้ำหนักทองคำแท่งที่ได้จากร้านผู้เสียหายทั้ง 3 แห่ง 850 บาท มูลค่า 16,059,500 บาท