กลายเป็นประเด็ดเดือดในโลกโซเชียล หลังจากไลฟ์สดของ "เจ้าทิพย์" ชี้แจงระบายความในใจถึงกรณีแยกทางกับพระมหาเทวีเจ้า องค์ที่ 1 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 ล่าสุด "เจ้าทิพย์" ไลฟ์อีกรอบวันที่ 23 มิ.ย. ต่อสายโทรศัพท์หา "พระมหาเทวีเจ้า หรือ แม่หญิงลี" โต้ตอบกันอย่างดุเดือด ท่ามกลางแฟนคลับต่างสงสัยทะเลาะกันจริงหรือสร้างกระแส
วันที่ 24 มิ.ย. 65 "แม่หญิงลี" เปิดใจถึงไลฟ์ว่า เมื่อคืนนี้ทะเลาะกันจริง เนื่องจากความคิดไม่ตรงกัน และก็อีกอย่างพี่หญิงลีอยู่ จ.ปัตตานี แต่เราก็ต้องดูแลแม่ ต้องหาธุรกิจทำเพื่อครอบครัว ตอนนี้ต่างคนต่างความคิดกันแล้ว เราก็เปิดใจกันแล้วว่าในเมื่อมีความคิดไม่ตรงกันก็แยกกันด้วยดี เมื่อคืนทะเลาะกันแรงมาก เพราะเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เราดูไม่ดี ต่างคนก็ต่างความคิด ก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ถ้าถามว่ายังโอเคไหม ก็โอเค การที่ว่าเป็นเพื่อนเป็นพี่ที่ดียังไงก็แล้วแต่ เอาความคิดของคน 2 คน เราไปห้ามความคิดใครไม่ได้ ในการด่าไปแบบนั้น ลึก ๆ แล้วตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร คือพูดออกไปแล้วจบ ตัวพี่หญิงลีเป็นคนแบบนั้น
"อยากบอกว่าดูสิ่งผ่านมาก่อนว่าต้นเหตุปลายเหตุมันมายังไง ส่วนตัวพี่อายุมาปูนนี้แล้ว ไม่เคยด่าใคร พาดพิงใคร สร้างความก้าวร้าวใส่ใคร มีแต่ว่าทำคอนเทนต์สนุกสนานให้ FC ได้ติดตาม ใจลึก ๆ แล้วไม่เคยออกมานั่งว่าไลฟ์สดว่าใครว่านู้นว่านั้นก็ไม่เคย เพราะฉะนั้นในเมื่อความคิดน้องกับเราไปกันไม่ได้ เราก็ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำมาหากิน แบบนี้โอเคกว่า"
หากหลายคนบอกเสียดาย เพราะโด่งดังมาพร้อมกัน "อย่าไปเสียดายเลยทุกคน มันไม่ได้ไปคู่ตลอดจริง บางสิ่งบางอย่าง ด้านความคิดมันไม่เหมือนแล้ว ครอบครัวความรับผิดชอบมันต้องมี แม่เราก็ไม่สบาย และเราเป็นเสาหลักของบ้านต้องดูแลทุกคนหมด ตอนนี้เราไม่ได้มีความรู้สึกว่าโกรธอีทิพย์นะ ใครจะมองยังไงก็แล้วแต่ ส่วนตัวพี่หญิงลีขอจบตรงนั้นก็คือจบ ไม่ได้มีอะไรต่อเลย ไม่ได้มานั่งด่าว่าน้องเขา ไม่ได้อะไร ไม่ได้มานั่งเกลียดน้องเขา ไม่ได้มานั่งอคติในใจกับน้องเขาไม่มี นั้นคือไม่ใช่นิสัย"
หลายคนมองว่าการทะเลาะกันครั้งนี้คอนเทนต์หรือไม่ แม่หญิงลี ยืนยันว่าทะเลาะกันจริงและไม่กลับไปแล้ว ขอยืนด้วยลำแข้งลำขาของตัวเอง ขอเป็นลูกแม่ค้านั่งตลาดแบบนี้สบายใจกว่า และสามีก็เข้ามาช่วยการพาไปหาสินค้า ส่งของ ทำตรงนี้เพื่อให้ระบบการทำงานและชีวิตของเราให้มีใช้มีกิน ถึงไม่มากก็พออยู่ได้ สบายใจ
หากถามว่าในอนาคตสามารถร่วมงานได้ไหม ฎไม่เอาแล้ว ฝากถึงแฟนคลับ ชีวิตเราเลือกที่เป็นตัวของเรา พี่หญิงลีเลือกแล้วที่จะเดินทางเส้นนี้ ช่วยซัปพอร์ตเป็นแรงใจแรงเชียร์ให้กับเราทั้ง 2 คนด้วย ช่วยติดตามแชร์ด้วย ยังจะอยู่ทำคอนเทนต์ให้ FC ขำกันต่อไป เราสายขำก็ขำกันต่อค่ะ"
ด้าน "เจ้านางอนัญทิพย์" หรือ ลินดา บุญศรีเจริญ เปิดเผยว่า สาเหตุมาจากทั้ง 2 คนเริ่มมีปัญหาเรื่องงานมานานแล้ว เนื่องจากว่าเราทำงานเป็นทีม ตนได้พูดถึงพี่หญิงลีว่าไม่กระตือรือล้น ไม่สู้งาน เราทำงานเป็นทีม และได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัท 2 ปี ทางบริษัทควบคุมเพจด้วย เราขึ้นมาดูแลเขาก็ยินดีลงทุนทำคอนเทนต์ให้ หากพี่หญิงลีไม่อยากกลับมา "ใครกันแน่ไม่สู้งาน" ตนมาสู้และพิสูจน์แล้วว่าใครกันแน่ไม่สู้งาน ตนอยากมีคอนเทนต์ให้คนดูสนุกสนานเหมือนเดิม คอนเฟิร์ม 100% เรื่องนี้ไม่ใช่คอนเทนต์แน่นอน
การทะเลาะกันครั้งนี้ ไม่ใช่คอนเทนต์สร้างกระแส ตนเองนำเงินมากรุงเทพครั้งนี้ 18,000 บาท มาสู้งานมาเช่าคอนโดฯ ในกรุงเทพ ค่าน้ำมันรถ 3,000 บาท ค่ามัดจำคอนโดไม่พอต้องยืมน้องสาว เราขอมาสู้มาทำงานตามที่เรารัก หลังจากี้ไม่ได้มีการพูดคุยกันส่วนตัว แต่มีการพูดผ่านผู้จัดการ ยืนยันว่าไม่ใช่การสร้างกระแสแน่นอน แต่มันคือปัญหาสะสม
ส่วนทิศทางของเพจ veen จะไปอย่างไรต่อหลังจากนี้ส่วนตัวจะมีผลงานเดี่ยว ถ่ายรายการกับบริษัท เนื่องจากบริษัทลงทุนให้ ตอนนี้ยังไม่มีสปอนเซอร์เข้า ส่วนทางแม่หญิงลีสร้างเพจใหม่เพื่อไลฟ์ขายของ ตนก็จะช่วยแชร์มาที่หน้าเพจ veen ไม่ได้ตัดช่องทางการทำมาหากินของแม่หญิงลี แต่คอนเซปต์ของเพจกับสิ่งที่พี่หญิงลีเขาทำเข้ากันไม่ได้ ตอนนี้ตนเป็นหัวเรือใหญ่ของเพจ veen อยากให้มีคอนเทนต์ใหม่ ๆ ตนมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ๆ ทำไมไม่ไขว้คว้า
หลังจากนี้จะร่วมงานกันได้หรือไม่นั้น "ตนเดินขวา พี่หญิงลีเดินซ้าย ถ้าวันหนึ่งเดินมาบรรจบกันอีกรอบ ทุกอย่างพัฒนาขึ้นดีกว่าเดิมก็สามารถร่วมงานได้ เพราะเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยรุ่น"