แม่ร่ำไห้ ถูกครูสอนเทควันโดหลอกเงินกว่า 8 หมื่น รู้ประวัติสุดโชกโชน อ้างลูกชายต้องเก็บตัวกับทีมชาติ รีดเงินหลายครั้ง
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 ชาวบ้านหอบหลักฐานร้องสื่อหลังถูกหลอกให้จ่ายเงินค่าเรียนเทควันโดให้ลูกชาย สูญเงินเกือบ 80,000 บาท โดยมีหญิงสาวรายหนึ่งเป็นครูสอนเทควันโด อ้างว่าจะพาเด็กไปเก็บตัวร่วมกับทีมชาติ โดยปลอมแปลงเอกสารรายชื่อของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย นำมาแอบอ้างโดยนำชื่อลูกชายของผู้เสียหายไปใส่แทนที่ชื่อเด็กรายอื่นเพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยอ้างว่าลูกของผู้เสียหายเป็นผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อที่จะไปแข่งรุ่นยุวชนและเยาวชนทีมชาติในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ผู้เสียหายวัย 38 ปี เล่าว่าตนได้เจอกับคุณครูสอนเทควันโดรายหนึ่งในอำเภอทุ่งใหญ่ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) จึงสมัครเรียนเทควันโดให้ลูกชื่อน้องอั่งเปาอายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้นป.5 น้องเป็นเด็กสมาธิสั้นจึงอยากให้น้องฝึกเล่นกีฬาจะได้เป็นความสามารถพิเศษ
เมื่อวันที่ 18 เมษายนตนได้สมัครเรียนให้ลูกโดยจ่ายค่าเล่าเรียนไป 1,000 บาท เป็นรายอาทิตย์ เรียนอาทิตย์ละ 5 วันครูคนดังกล่าวได้ระบุว่ามีค่าชุดเทควันโดที่ต้องจ่ายอีก 25,000 บาท โดยครูคนนั้นได้ส่งรูปการประชุมมาให้บอกว่ากำลังประชุมกับผอ.สมาคม อยู่ระหว่างพิจารณาเอกสารการสมัครและจะต้องจ่ายค่าชุดให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ ตนก็เกิดสงสัยว่าทำไมค่าชุดถึงแพง ครูจึงระบุว่ารวมอุปกรณ์ในการฝึกซ้อมด้วยตนจึงยอมจ่ายไปเป็นเงินโอน 20,000 บาทและมาเก็บเป็นเงินสดอีก 5,000 บาทเพราะอยากให้ลูกได้เรียน หลังจากเรียนไปเกือบอาทิตย์ชุดที่สั่งไปก็ยังไม่ได้จึงต้องใช้ชุดสำรองที่ครูคนนั้นหาให้เพราะครูบอกว่าชุดและอุปกรณ์ที่สั่งไปอยู่ระหว่างการขนส่ง
วันที่ 21 เมษายน ครูได้เรียกค่าอบรม 6 วันเป็นเงิน 6,000 บาทอ้างว่าเป็นการอบรมจากสมาคมกีฬาเทควันโด นักกีฬาทุกคนต้องเข้าร่วมตนก็จ่ายเพิ่มไปอีก 6,000 บาทแต่ครูมาบอกทีหลังว่าต้องอบรม 10 วันต้องจ่าย 10,000 บาทตนต้องจ่ายเพิ่มอีก 4,000 บาท ตนไม่มีเงินจึงขอเลื่อนจ่ายครูจึงอ้างว่าจะออกค่าอบรมให้ก่อน 4,000 บาท
พอถึงวันที่ 23 เมษายนครูก็ได้ทวงถามเงิน 4,000 บาทที่อ้างว่าเป็นค่าอบรมที่ออกให้ก่อนรอบที่แล้วโดยอ้างว่าเงินที่ครูออกให้ไปเป็นเงินค่าปุ๋ยทุเรียนของพ่อตาจำเป็นต้องรีบคืนทันที ตอนนั้นตนไม่มีเงินตนจึงรีบหายืมนอกระบบมาแล้วโอนไปให้ แต่ยืมมาได้แค่ 3,000 บาทโดยต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวัน
หลังจากเก็บค่าอบรมไปแล้ววันที่ 25 เมษายนครูก็ขอเก็บค่าชุดทีมชาติเพิ่มอีก 25,000 บาทโดยอ้างว่าทางสมาคมโทรมาบอกว่าลูกชายของตนจะได้ไปร่วมแข่งในงานใหญ่ระดับชาติต้องใช้ชุดทีมที่เหมือนกัน ครูได้มีการปลอมแปลงเอกสารของทางสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยที่จะเรียกเก็บตัวซ้อมนักกีฬาในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2565 โดยเปลี่ยนวันที่เป็น พฤษภาคม-กรกฎาคม และนำชื่อลูกชายของตนไปใส่แทนชื่อเด็กคนอื่น พร้อมเปลี่ยนชื่อรายการแข่งขันจากอายุ 12-14 ปีเป็นอายุ 11-15 ปี แล้วส่งมาให้ตนดูทางแชทเฟซบุ๊ก ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะเห็นว่าครูคนนี้เป็นโค้ชมานานกว่า 10 ปี และมีสามีรับราชการจึงยอมหลงเชื่อ
ตอนนั้นตนไม่มีเงินในบัญชี ครูคนนั้นจึงเดินทางมาเอาเงินสดจากยายของน้องอั่งเปาที่บ้าน จำนวน 23,000 บาท ซึ่งยายก็นำเงินเก็บที่มีทั้งหมดจ่ายเป็นเงินสดไปให้ โดยได้นับเหรียญในกระปุกให้ไปด้วยเพราะยายมีเงินไม่พอ หลังจากได้เงินสดจากยายไปแล้ว 23,000 บาท ตนก็ได้โอนเพิ่มไปอีก 2,000 บาทเพื่อให้ครบ 25,000 บาท
โดยครูอ้างว่าจะเอาบิลค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จ่ายไปแล้วมาให้ จะได้เก็บเป็นหลักฐาน เงินทุกบาทจะได้คืนแต่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนเพราะต้องรีบสั่งทำชุด และจะทำการเบิกกับสมาคมมาคืนให้ภายในไม่กี่วัน โดยครูได้นำเอกสารการขอรับทุนนักกีฬา ซึ่งอ้างว่าเป็นทุนจากสมาคมชมรมเทควันโดจังหวัดนครศรีธรรมราช นำมาให้ตนและยายเซ็นต์ที่บ้านโดยมีพี่สาวตนเป็นคนเซ็นต์ค้ำประกันด้วย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
หลังจากตนเซ็นต์ไปแล้วผ่านไปหลายวันก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากนั้นครูคนนั้นได้มีการปลอมเสียงเพื่อโทรหาตนโดยอ้างว่าโทรมาจากสมาคมกีฬาเทควันโด ตนจึงอัดเสียงเอาไว้ โดยระบุว่า มีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าชุด เป็นค่าอบรมและค่าค่าย รวมเป็นเงิน 15,000 บาทที่ต้องจ่าย หลังวางสายตนก็โทรหาครูทันที ครูก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ บอกว่าเป็นคำสั่งของสมาคม อาจจะต้องจ่ายตามนั้น
วันที่ 26 เมษายน ตนก็ทวงถามบิลค่าใช้จ่ายที่จ่ายเงินไป ครูอ้างว่าบิลต้องไปเอาจากสมาคมในตัวเมือง ยังไม่มีเวลาไปสำนักงาน จะไปอีกทีสิ้นเดือน พอถึงวันที่ 29 เมษายน ครูได้มารับน้องอั่งเปาไปสมาคมตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม โดยอ้างว่าจะพาไปรายงานตัวก่อนการแข่งขันที่สมาคมกีฬาเทควันโดนครศรีธรรมราช
พอน้องอั่งเปากลับมาถึงบ้านตนก็ถามลูกว่า ครูพาลูกไปทำอะไรบ้าง ลูกชายบอกว่าพาไปเล่นอยู่ข้างนอก แล้วครูนั่งอยู่ในห้อง เสร็จก็กลับบ้านไม่ได้ทำอะไร และไม่เห็นมีใครมาด้วย ตนจึงทักไปถามครูว่าทำไมลูกถึงบอกว่าไม่ได้เจอใคร ครูก็อ้างว่าเป็นการพาเด็กไปยืนยันตัวตนว่าเด็กอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น จะได้สอดคล้องกับคุณสมบัติของผู้รับทุน ไม่ได้ตรวจร่างกายแต่อย่างใด
วันที่ 7 พฤษภาคม ครูก็มาขอค่าอบรมก่อนแข่งขันอีก 10,000 บาท ในงานศรีสุราษฎร์เกมส์ ที่จะจัดแข่งในเดือนมิถุนายน แต่ตนไม่มีเงินพอ จึงขอจ่ายก่อน 5,000 บาท
วันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากครูได้เงินไป ก็ไม่มีการอบรม ไม่มีฝึกซ้อมใดๆ มีแต่การเรียนพื้นฐานเทควันโดปกติ ตนก็ทวงถามความคืบหน้าอยู่เรื่อย ครูก็ได้แต่อ้างว่ายังไม่ถึงเวลา ส่วนบิลค่าใช้จ่ายครูยังไม่สามารถไปสมาคมได้ ไม่สามารถทำงานได้เพราะป่วยอยู่ โดยครูได้ส่งรูปข้อมือที่มีสายน้ำเกลือมาให้ โดยอ้างว่านอนอยู่โรงพยาบาล ตนก็หลงเชื่อ และได้ช่วยยืมเงินนอกระบบมาให้ครูจ่ายค่าหนังสือลูกอีก 2,000 บาท
จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่มีความคืบหน้าสักเรื่อง ซึ่งตนจ่ายเงินไปแล้วเกือบ 80,000 บาท ตนจึงตัดสินใจทักแชทเข้าไปถามในเพจสมาคมกีฬาเทควันโดจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้รู้ว่า ทุนนั้นไม่มีจริง และจะให้เฉพาะนักกีฬาทีมชาติเท่านั้น ส่วนค่าชุดค่าอุปกรณ์แค่ 800 บาท ค่าอบรมแค่ 1,000 บาท เมื่อสมาคมรู้ว่าเป็นครูคนดังกล่าว ก็ได้ตอบกลับมาว่า โดนโกงแล้ว ครูคนนั้นโดนระงับใบอนุญาตมาเป็นปีแล้ว เพราะเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ตนจึงลองถามผู้ปกครองคนอื่นที่เคยให้ลูกเรียนเทควันโดกับครูคนนั้น ปรากฎว่า มีคนเคยโดนในกรณีแบบนี้จริงๆ สูญเงินหลักหมื่น แต่ครูไม่เคยถูกดำเนินคดีเลยสักครั้ง ศิษย์เก่าที่เคยโดนครูหลอก ก็ได้ช่วยเหลือตนในการค้นหาคำตอบของเรื่องทั้งหมด ปรากฏว่า เอกสารปลอมเกือบทุกฉบับ รวมถึงรูปการประชุมที่ส่งมา ก็เป็นรูปของกองทุนการพัฒนากีฬาแห่งชาติ ที่ลงไว้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนจึงตัดสินใจทักไปถามครู แต่ครูก็ไม่ยอมรับ ปฏิเสธทุกอย่างแล้วถามว่าใครเป็นบอก ซึ่งตนก็ไม่เปิดเผย เพราะมีหลายคนที่โดนมาก่อน แต่ไม่มีหลักฐานเพราะเป็นการจ่ายเงินสดเกือบทั้งหมด
ตนพยายามขอเงินคืนแต่ก็ไม่ได้คืนสักที ตนรู้สึกเสียใจมากๆ เพราะตนอยากให้ลูกได้เรียน ได้มีความสามารถ ยอมกู้หนี้นอกระบบมาให้ เพราะครูจี้ตลอด บอกว่าจ่ายช้าไม่ได้ ต้องรีบจ่ายทันทีทุกครั้ง หลังรู้ความจริงถึงกับเข่าทรุด ยายก็เครียดกินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกคืน ตนสงสารยายมากที่ต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้
ตนได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาสื่อมวลชนท่านหนึ่ง แต่กลายเป็นว่า สื่อได้นำเรื่องของตนไปบอกอีกฝ่าย และนัดอีกฝ่ายมาที่บ้านโดยไม่บอกตน ตนรู้สึกคับแค้นใจมากๆ และต้องการดำเนินคดีกับครูให้ถึงที่สุด จะได้ไม่เป็นตัวอย่าง อยากให้เคสของตนเป็นเคสสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ครูก็ได้นำผู้มีอำนาจในพื้นที่มาไกล่เกลี่ยอยู่เรื่อยๆ ตนก็ปฏิเสธการไกล่เกลี่ยทุกครั้ง เพราะตนไม่ได้อยากได้เงิน แต่อยากให้ครูได้รับผลของการกระทำ และอยากฝากเตือนแม่ๆทุกคนอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆเหมือนตน
พ่อของน้องอังเปา อายุ 43 ปี เล่าว่า ตนยืนอยู่หลังบ้านวันที่ครูมาเก็บค่าชุดทีม 25,000 บาท ตนได้ยินครูคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่ง ซึ่งครูไม่เห็นว่าตนยืนอยู่หลังบ้าน จับประเด็นได้ว่าเหมือนคนในสายกำลังทวงเงินหรืออะไรสักอย่าง โดยครูได้ตอบปลายสายไปว่า เงินแค่ 30,000 เดี๋ยววันนี้จะรีบเอาไปให้เลย ตนก็รู้สึกเอะใจ จึงเดินเข้ามาในบ้าน บอกยายว่าระวังถูกหลอก แต่ตอนนั้นครูได้เงินไปแล้ว 23,000 แต่ครูก็ยังโทรมาเร่งให้ภรรยาของตนรีบโอนส่วนที่เหลือ ตนก็เลยเกิดข้อสังเกตว่าทำไมถึงรีบมาก รีบผิดปกติ ซึ่งตนก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับเรื่องนั้น แต่ก็ได้เตือนภรรยาไปแล้ว ให้ระมัดระวังให้ดี อาจจะถูกหลอก