ใบปลิวว่อน ขับไล่ผอ.โรงเรียนดัง หลังป่วยซึมเศร้ามีพฤติกรรมแปลก จ้างเลขามานั่งมองทั้งวัน ส่งคลิปไม่เหมาะสมในกลุ่มสนทนา
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดจ.อุบลราชธานี ระหว่างเข้าแถวหน้าเสาธงช่วงเช้าได้มีใบปลิวโจมตีนายพิทักษ์ บุญยอ ผู้อำนวยการโรงเรียน ข้อความ “ครูต่างชาติไปไหน ทุจริตเงินค่าเทอมของนักเรียนไปใช่หรือเปล่านะ? ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปทำไมอ่ะ? เปลี่ยนสีประจำโรงเรียนแน่ใจแล้วหรือ กฎที่ไม่สมเหตุสมผลได้เหรอ? และย้ายพุทธสถานเพื่ออะไร"
ใบปลิวที่นำมาแจกว่อนในโรงเรียนและติดบริเวณรอบโรงเรียนมีตั้งแต่เช้า สืบเนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำการขัดต่อกฎหมายและระเบียบราชการหลายประการ เช่น สั่งตัดต้นไม้ภายในโรงเรียนเกือบทั้งหมดตามอำเภอใจไม่ได้รับการยินยอมจากคณะการสถานศึกษา และขออนุญาตจากนายอำเภอก่อน เนื่องจากที่ดินดังกล่าววเป็นที่ดินสาธารณะ เปลี่ยนสีประจำโรงเรียนตามอำเภอใจจาก "สีแดงเลือดนก" เป็น "สีแดงสด" กรรมการนักเรียนไม่เอาด้วยที่ประชุมครูก็ไม่เห็นด้วย จัดทำค่าติดตั้งลำโพงในโดมสูงถึง 90,000 บาท จัดซื้อจัดทำโดยไม่ผ่านงานพัสดุ ไม่รวมค่าลำโพงที่ซื้อมาเอง เทปูนหน้าประตูโรงเรียนไม่ผ่านการจัดจ้าง เอาผู้รับเหมามาทำเองขัดต่อระเบียบราชการ
ดองโครงการทุกอย่างที่เสนอไป ไม่ยอมลงชื่อเลือกทำแต่โครงการที่ตัวเองได้เงิน เอาเงินสดของโรงเรียนไปผลาญกินข้าวกลางวันครั้งละเป็นหมื่นบาท เตรียมจัดซื้อรถตู้ใหม่โดยเอาเงินสหกรณ์ฯ ล้านกว่าบาท แล้วจะออกในนามการบริจาคซื้อ เตรียมย้ายพุทธสถานไปอยู่ข้างสนามฟุตบอลตามอำเภอใจ เงินค่าประมูลสหกรณ์โรงอาหารไม่นำเข้าระบบ จ้างเลขาส่วนตัวมานั่งมองทั้งวันในโรงเรียน นักเรียนหมดโอกาสเรียนกับครูต่างชาติเพราะผอ.ไม่ประกาศจ้างผ่านระบบEGP ส่งแต่สื่อลามกอนาจารลงในกลุ่มใหญ่ของครูและผู้บริหารโรงเรียน โดยนักเรียนต้องการให้มีการย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนออกไปหาคนที่มีความรู้ความสามารถมาแทน
ศิษย์เก่าของโรงเรียนกล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากผู้ปกครองและนักเรียนและก็ครูในโรงเรียนว่า ผอ.มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายอย่างเช่น เรื่องการทำจัดซื้อจัดจ้างและการส่งคลิปอะไรไม่เหมาะสมในไลน์ที่มีนักเรียนและครูด้วยจึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ สิ่งที่เราต้องการคืออยากให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เรากล่าวมาทั้งหมด ตอนนี้มีประมาณ 14 ข้อกับพฤติกรรมของผอ.โรงเรียน และถ้าตรวจสอบเสร็จก็อยากให้ผอ.ย้ายออกจากโรงเรียน เพราะว่าถ้ายังอยู่แล้วเผื่อมีการใช้อำนาจและการแทรกแซงพยานหลักฐาน
เมื่อตรวจสอบแล้วอยากให้ลงโทษได้ ไม่ไช่ว่ามีความผิดแล้วจะย้ายไปโรงเรียนอื่นและทำแบบเดิม ทางนักเรียนจะมีการชุมนุมไม่พอใจ เรื่องเงินค่าเทอมที่เก็บไปคนละ 400 บาท เด็กนักเรียนมีประมาณ 3,000 กว่าคนรวมกันเป็นเงินประมาณ 1,000,000 กว่าบาทและเงินส่วนนี้ผอ.เอาไปไหน ทำไมไม่จ้างครูต่างชาติให้ถูกตามระเบียบ นี่คือสิ่งที่เราตั้งคำถามอยากให้ฝ่ายบริหารหรือเขตพื้นที่การศึกษาหรือว่ากระทรวงศึกษาให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะว่าการที่เก็บเงินจากนักเรียนโดยบอกว่าเป็นค่าจ้างครูต่างชาติ แต่ไม่มีการจ้างครูต่างชาติมาสอน ไม่ใช่แค่เทอมนี้เทอมก่อนหน้าก็เช่นกันมันเป็นการขาดโอกาสทางการศึกษากับน้องๆ ที่ควรจะได้รับ
ทางด้านของผู้ปกครองกล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าว พร้อมทั้งอยากให้คณะบริหารของโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง และอยากให้ผอ. ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องของเงิน 400 บาท ที่เรียกเก็บจากนักเรียนไปแต่ไม่มีครูต่างชาติมาสอนในโรงเรียน
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผอ.คนดังกล่าวว่า พฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้เนื่องจากป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบและเป็นโรคซึมเศร้า สภาพร่างกาย 2 ปีก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะรักษาตัว ปล่อยให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครูบริหารจัดการแทน ซึ่งทางโรงเรียน กรรมการสถานศึกษา คณะครูนักเรียนทราบมาโดยตลอดว่าผอ.ป่วย ไม่สบาย
ล่าสุด ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาผอ.อาการดีขึ้น มาโรงเรียนเกือบทุกวัน แต่มีอาการแปลกจากเดิมก็คือเหมือนซึมเศร้า และพูดมากพูดเร็วพูดไม่รู้เรื่อง สั่งงานไปเรื่อยๆ เป็นอาการของคนป่วย บางครั้งเกิดอาการเครียดก็จะชักเกร็งขึ้นมาทันที ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมานักเรียนกรรมการสถานศึกษาให้โอกาส แต่เนื่องจากโรงเรียนไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควรจึงมีปัญหาดังกล่าวซึ่งผอ.โรงเรียนจะเกษียณในปี 2566