รายการต่างคนต่างคิด เลือกตั้ง 62 ทางช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 วันที่ 21 มี.ค. 62 ในการดีเบตโค้งสุดท้ายของตัวแทน 7 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคอนาคตใหม่, พรรคประชาชนปฏิรูป, พรรคเศรษฐกิจใหม่ ,พรรคชาติพัฒนา และพรรคชาติไทยพัฒนา กับคำถามว่า
ส.ว. แต่งตั้งจำนวน 250 คน ที่มีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี จะลงคะแนนเลือกนายกฯ สวนทางกับเสียงส่วนมาก ส.ส. หรือไม่ ?
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษา และแคนดิเดตนายกฯ พรรคชาติพัฒนา กล่าวในรายการต่างคนต่างคิด เลือกตั้ง 2562 ว่า หลังการเลือกตั้งจะมีฉากใหญ่เกิดขึ้น 3 ฉาก ฉากแรกคือการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ฉากสองคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ ส.ว. มีส่วนร่วมโหวต และฉากที่สามคือการจัดตั้งรัฐบาล
นายสุวัจน์กล่าวต่อโดยยกตัวอย่างว่า หากฉากที่สอง ส.ว. 250 คน ลงคะแนนให้นาย ก.จากพรรคหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่สามารถรวบรวมเสียง ส.ส. เกิน 250 เสียงได้ ดังนั้นในฉากที่สาม ที่นาย ก. และพรรคดังกล่าวเมื่อต้องจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะบริหารประเทศต่อไปได้อย่างไร เพราะเพียงแค่จะเปิดประชุมสภาก็คงทำได้ยาก ส่วนตัวจึงเชื่อว่า ส.ว. จะไม่ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีให้ไปในทิศทางดังกล่าว
ด้าน
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวโต้แย้งว่า มีเครื่องมือกลไกหลายอย่าง ที่ทำให้จากรัฐบาลเสียงข้างน้อยกลายเป็นเสียงข้างมากได้ เช่น วิธีแรกคือการยุบพรรค ล้างไพ่เสียงข้างมาก หรืออีกวิธีไม่ต้องยุบพรรค แต่ใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีมาล่อ เพื่อดูด ส.ส.งูเห่า จากพรรคต่างๆ มาร่วมรัฐบาล โดยเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว และมีจุดเริ่มต้นมาจากการโหวตของ ส.ว.