จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าทลายแหล่งผลิตกัญชา เพื่อการแพทย์ที่มูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ยึดต้นกัญชาได้ 200 ต้น พร้อมอุปกรณ์ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 62 จากการตรวจสอบ พบว่ากัญชาและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกัญชาทั้งหมด เป็นของนายเดชา ศิริภัทร นายพรชัย ชูเลิศ กรรมการบริหารมูลนิธิฯ ใช้สำหรับผลิตยารักษาโรคมะเร็ง โดยอยู่ระหว่างการทดลอง และมีการแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยนำไปใช้แล้วหลายคน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มีจะมีการดำเนินคดีกับกรรมการบริหารมูลนิธิฯ
วันที่ 7 เม.ย. 62 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า "เพราะปัญหาของประชาชน รอไม่ได้ ผมขอรับผิดชอบ เป็นผู้ประกันตัว และการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ให้คุณเดชา ศิริภัทร และ คุณพรชัย ชูเลิศ เอง การร่วมสมทบทุนที่ตั้งใจไว้ ขอให้เป็นการสมทบทุน เพื่อพัฒนาและต่อยอดการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ของภาคประชาชน ตามเจตนารมย์ของคุณเดชา เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไป ผมขอยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทย จะดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ให้ประชาชนมีสิทธิ มีโอกาสปลูกกัญชา เป็นพืชเศรษฐกิจ และเพื่อใช้ในครัวเรือน เพื่อใช้เป็นยารักษาอาการป่วยของตนเองได้ รอเวลาสภาฯ เปิด ถึงวาระแก้กฎหมาย มาช่วยกันผลักดันนะครับ
ขณะนี้ คุณศุภชัย ใจสมุทร ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทย ได้ประสานกับครูเหรียญ ทีมงานของคุณเดชา ศิริภัทร เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือคุณเดชา และคุณพรชัย แล้วนะครับ เพื่อการทำงานร่วมกัน #saveเดชา"
ทีมข่าวลงพื้นที่วัดบางปลาหมอ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยทางวัดชี้แจงว่า ไม่ได้มีการแจกจ่ายสารสกัดจากกัญชาให้กับประชาชนตามที่เป็นข่าว ส่วนแคปซูลที่มีการแจกให้ผู้ป่วยมะเร็งรับประทานนั้น เป็นแค่น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งผลิตโดยการนำน้ำมันมะพร้าว สกัดร่วมกับสมุนไพรหลายชนิด เช่น ขมิ้น ไพร นำมาบรรจุแคปซูลให้ประชาชนรับประทานเเก้ท้องผูก ซึ่งหลังจากเป็นข่าว ทางวัดก็หยุดเเจกทันที
น.ส.ดาว (นามสมมติ) ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เปิดเผยว่า ตนเริ่มเป็นมะเร็งเต้านม เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผ่าตัดนำเต้านมออกไปแล้ว 1 ข้าง และทำการรักษากับทางโรงพยาบาล ทำคีโม 8 ครั้ง ซึ่งหมอบอกว่าเชื้อมะเร็งกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว 11 จุด ซึ่งรักษากับโรงพยาบาล เเต่ก็ไม่ดีขึ้น ตนจึงพยายามหาข้อมูลว่ามียาชนิดอื่นที่จะรักษาได้หรือไม่ จนพบข้อมูลว่าสารสกัดจากกัญชาสามารถรักษาได้ ซึ่งหลังจากไปรับยาแคปซูลที่วัดมาทาน ก็ไม่ได้ไปรักษากับทางโรงพยาบาลอีก
น.ส.ดาว กล่าวต่อว่า หลังจากการทานยาแล้ว อาการดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ภายหลังจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทางวัดก็ไม่มียาแคปซูลแจกอีก และยาแคปซูลที่ตนได้รับมาก็ทานจนหมดเเล้ว จึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป อยากจะให้ผลิตต่อ เพราะผู้ป่วยยังต้องพึ่งพายาแคปซูลอีกมาก อยากจะให้ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งออกกฎหมายกัญชาโดยเร็ว
ด้าน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศ เปิดเผยว่า ตนเป็นแพทย์ด้านสมองและอายุรกรรม ทราบดีว่ายาแผนปัจจุบันทำได้แค่บรรเทาอาการ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนที่ตัวโรค ขณะที่กัญชาสามารถบรรเทาอาการ และมีข้อมูลทางวิทยาศาสาสตร์ชัดเจนว่าสามารถปรับเปลี่ยนตัวโรคได้ มีผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากอยู่ในระยะสุดท้าย ที่แพทย์แผนปัจจุบันคิดว่าไม่น่าจะได้ประโยชน์จากการใช้ยาแผนปัจจุบัน แต่กลับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่สำคัญได้กำไรจากการที่คิดว่าหมดหนทางรักษาแล้ว แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกเป็นเดือน หรือเป็นปี
ส่วนความคิดเรื่องการนำกัญชาขึ้นบก ความจริงแล้วมีต้นเรื่องมาจากกระทรวงสาธารณสุข ที่ตั้งคณะทำงานขึ้นมา จากนั้นมีการออกพระราชบัญญัติ ที่กำลังจะผลักดันให้เข้าถึงประชาชนคนไทยทุกคน เช่น การไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ขณะเดียวกันหากเป็นไปได้ สามารถใช้เป็นยาพื้นบ้าน หากเจ็บป่วยธรรมดา เช่น อาการปวดหลังหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หากรับประทานยาแก้ปวดมากเกินไป จะส่งผลต่อกระเพาะและไต ข้อสำคัญคือหากสะสมนาน ๆ อาจทำให้หัวใจวาย โดยในฐานะที่ตนเป็นกรรมการปฏิรูประบบสาธารสุข พยายามที่จะส่งเสริมให้มีการใช้สิ่งที่หาได้ในชุมชน
ปัจจุบัน ประเทศไทยเสียค่าใช้จ่าย เรื่องการใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัยอยู่พอสมควร ปีละหลายแสนล้านบาท รวมถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังใช้ยา
โดยการออกกฎหมายในลักษณะนี้ เป็นการเปลี่ยนเจตนารมณ์ของการใช้กัญชาในทางการแพทย์อย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเจตนารมณ์ของการออก พ.ร.บ. สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การใช้ประโยชน์ของกัญชาอย่างเต็มที่ กลับดูว่าการใช้กัญชาเป็นยาเสพติด 100 เปอร์เซนต์แบบเดิม นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก ออกประกาศตั้งแต่เดือน ก.พ. ว่า กัญชาควรต้องหลุดออกจากยาเสพติด โดยเฉพาะกัญชาหรือกัญชง ซึ่งมีสารออกฤทธิ์ที่เรียกว่า CBD ไม่มีฤทธิ์ออกฤทธิ์ทางจิตประสาทหรือทำให้ติด แต่ขณะเดียวกัน ประเทศไทยคัดค้านความเห็นขององค์การอนามัยโลก
นอกจากนี้
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "จากท่านอาจารย์วิชา มหาคุณ @Thiravat Hemachudha หมอครับช่วงนี้จนถึงวันที่ 19 พ.ค.เป็นช่วงนิรโทษกรรม 90 วัน ภายหลังจาก การประกาศใช้ กฎหมายปลดล็อกกัญชา ฉะนั้นใครถูกจับ ก็ถือว่ากลั่นแกล้ง ทั้งๆที่กฎหมายบอกว่าไม่ต้องรับโทษ ถึงถูกส่งตัวไปที่ศาล ศาลก็ต้องจำหน่ายคดี คุณเดชา หรือใครก็ตามที่ถูกจับต้องไปฟ้องศาลอาญาคดีทุจริต ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นะครับ เพราะเป็นผู้เสียหายโดยตรง เหตุที่ต้องใส่บทบัญญัตินี้ไว้ก็เพราะเกรงว่าจะมีการกลั่นแกล้งของเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วผมก็เดาไม่ผิด ราษฎรตาดำๆก็ต้องเดือดร้อนอย่างที่คิดไว้จริงๆ เลขาฯอย.ถ้าขืนให้สัมภาษณ์สนับสนุนการจับกุมของตำรวจว่าเป็นไปโดยชอบทั้งที่ไม่ชอบ ซึ่งมีหน้าที่ต้องยับยั้งไม่ให้มีการกลั่นแกล้ง อาจเข้าข่ายประพฤติมิชอบไปด้วย"