จากกรณีผู้เสียหาย นายนัด (นามสมมติ) อายุ 28 ปี แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย แต่งชุดนอกเครื่องแบบมาดักรอใต้คอนโดฯ แล้วกรรโชกทรัพย์ 60,000 บาท
วันที่ 6 ส.ค. 65 นายนัด ผู้เสียหาย กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุอยู่คอนโดฯแฟน กำลังจะลงมาซื้อข้าวเห็นผู้ชาย 2 คนนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ ไม่ได้เอะใจ คิดว่าเป็นไรเดอร์ ตนเดินออกจากคอนโดฯ ปรากฏว่าชายเสื้อสีดำเดินเข้ามาล็อกคอตน แล้วถอดหน้ากากให้ตนเห็นหน้าจึงจำได้ว่าเป็นตำรวจทั้ง 2 คน ชื่ออ้วน กับเสริม แล้วได้มาอุ้มตนไปข่มขู่พาไปคุยบนรถยนต์ส่วนตัวของตนที่จอดอยู่ข้างอาคาร
ระหว่างที่คุยกันอยู่บนรถยนต์ นายอ้วนนั่งอยู่ที่บริเวณคนขับ ตนนั่งบริเวณหลังคนขับ และนายเสริมนั่งซ้ายมือประกบตน ค้นตัวตนพบเงิน 70,000 บาท โดยนายอ้วนนำไปใส่กระเป๋าไว้ บอกกับตนว่า "เห็นว่าเอ็งมีเงินเยอะหรอ ขอสักแสนนึง รู้จักพี่ตี๋ไหม พี่ตี๋ให้กูมา มาเอาเงิน เห็นว่ามีเงินเยอะเอาเงินไปประกันตัวเพื่อนได้"
จากนั้นนายอ้วนได้ตบไปที่กระเป๋ากางเกงข้างซ้าย เพื่อทำให้ตนเห็นว่ามีปืน ตนจึงบอกว่า "ผมมีไม่ถึงแสนนึง ผมมีแค่นี้ ผมขอคืนหมื่นนึงได้ไหม" จากนั้นนายอ้วนก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วก็เอาให้ดู บอกว่า "เนี่ยนายกูสั่งให้มา" แต่ตอนนั้นตนก็บอกว่าไม่ได้เห็นรายละเอียดอะไรในโทรศัพท์ แล้วนายอ้วนก็ยังบอกอีกว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูรายงานนายกูว่าไม่เจอมึง" แล้วก็ได้เงินกลับไป 60,000 บาท และไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายตนห ลังจากนั้นตนจึงโทรศัพท์หารุ่นพี่ที่อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ให้เข้ามาช่วยเหลือ รุ่นพี่จึงพาไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
นอกจากนี้ สมัยก่อนตำรวจ 2 คนนี้เคยเข้าไปจับกุมยาเสพติดในชุมชนคลองเตย บ้านของตนอยู่บริเวณตลาดคลองเตยให้เช่าแผงขายของในตลาดคลองเตย แต่ตนไม่เคยค้ายาเสพติด ยอมรับตรง ๆ ว่าที่บ้านตนมีฐานะดี เพราะเก็บเงินคนในตลาดเป็นคนเก่าแก่ และตำรวจ 2 คนนี้รู้ดีว่าครอบครัวตนมีฐานะ ล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนนัดถูกต้องคดีทางอาญาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นที่ สน.ลุมพินี ตอนนี้อยู่ระหว่างประกันตัวออกมาสู้คดี รวมถึงได้นำเงินไปประกันตัวให้กับเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่ถูกต้องคดีด้วย เป็นเหตุผลที่ตนเชื่อว่าตำรวจรู้จุดอ่อนว่าเพิ่งถูกดำเนินคดี และมีฐานะ มีเงินประกันตัวตนและเพื่อน อาจจะคิดว่าขายยาและมาจับโดยไม่มีหมายจับ ปรากฏว่ามาค้นตัวแล้วไม่เจออะไร เจอเงินสด จึงกรรโชคทรัพย์ไป
ล่าสุดได้ตั้งทนายความ แจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจทั้ง 2 นายนี้ว่าเป็นการกรรโชกทรัพย์ โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด