จากกรณีพ่อและครอบครัวของน้องโรส อายุ 13 ปี ตามหาลูกสาวที่ไปเที่ยว จากนั้นไปพบเด็กชายปรเมศ อายุ 14 ปี พาไปที่ป่าละเมาะ โดยพ่อและพี่ของเด็กหญิงโมโห จึงทำร้ายร่างกายเด็กชายปรเมศ เนื่องจากเห็นว่าเด็กชายปรเมศคล้ายจะขืนใจลูกสาว อีกทั้งพบถุงยางอนามัยในที่เกิดเหตุมากกว่า 10 ชิ้น (อ่าน:
โจ๋ละอ่อน ถูกพ่อผู้หญิงซ้อมส่อซวย เจอหลักฐานถุงยางนับสิบ ลวงเด็กเข้าป่า)
วันที่ 13 เม.ย. 62 นายสมใจ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี พ่อของน้องโรสที่ถูกลวนลาม พาทีมข่าวย้อนรอยเส้นทางในคืนวันที่ 11 เม.ย. 62 ที่ออกตามหาลูกสาว โดยเริ่มจากโรงพยาบาลอรัญประเทศ และวนออกนอกเมืองไปถนนบายพาสอรัญประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่เด็กแว้นรวมตัวกัน ก่อนจะขับไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ไปถึงจุดเกิดเหตุที่ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 200 เมตร รวมกว่า ซึ่งเป็นถนนลูกรังและป่าละเมาะ บริเวณโดยรอบไม่มีบ้านคน
โดยจากการสำรวจในบริเวณนั้นพบซองถุงยางสีเหลืองที่ถูกฉีก ประมาณ 5 ชิ้น และยังพบถุงยางอนามัยใช้แล้วอีก 2-3 ชิ้น
นายสมใจ เปิดเผยว่า ในคืนเกิดเหตุ น้องโรสถูกเด็กชายปรเมศและเพื่อนพาตัวน้องโรสมานั่งเล่นที่ป่าละเมาะ ก่อนที่เด็กชายปรเมศจะนั่งเสพยาให้ดู และฉีกถุงยางอนามัยยื่นให้น้องโรส และโอบกอดเพื่อแสดงออกว่าอยากร่วมเพศด้วย ทำให้ลูกของตนตกใจ และพยายามปัดป้องมือของเด็กชายปรเมศออกไป ขณะเดียวกันก็มีรถกระบะขับผ่านมาพอดี ทำให้ไฟหน้ารถส่องมาที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ทำให้เด็กชายปรเมศและพวกตกใจ จึงลุกขึ้นและชักชวนให้น้องโรสย้ายไปนั่งตรงอื่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ตนขับรถมาพบพอดี และเกิดการทำร้ายกัน
นายสมใจ กล่าวต่อ เมื่อตนย้อนกลับมาดูจุดเกิดเหตุในช่วงเช้า พบซองและถุงยางอนามัยใช้แล้วตกอยู่ในที่เกิดเหตุก็ทำให้รู้สึกใจหาย เพราะถ้าตนไม่มาเจอก่อน ลูกก็คงถูกเด็กชายปรเมศล่วงเกินมากกว่านี้ และตนอยากย้อนถามกลับไปหาทุกคนว่า ถ้ามาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับที่ลูกถูกกระทำแบบนี้จะทำใจได้อย่างไร
นายสมใจ ยังบอกอีกว่า ญาติหรือครอบครัวของเด็กชายปรเมศ ไม่เคยติดต่อมาขอโทษตนแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงแต่เรียกร้องค่าเสียหาย โดยอ้างว่าตนและพวกพยายามฆ่าเด็กชายปรเมศ ซึ่งตนมองว่า อีกฝ่ายไม่เคยเป็นห่วงคิดเลยว่าลูกของตนจะถูกกระทำอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังยอมรับว่ารู้สึกเจ็บปวด เพราะน้องโรสมีสภาพจิตใจแย่จากการถูกสังคมโจมตี เช่น น้องโรสยอมฝ่ายชายเอง ซึ่งตนอยากชี้แจงว่าน้องโรสไม่ได้ยอม แต่ถูกเด็กชายปรเมศลวงมาที่เกิดเหตุ