แม่ค้าเดือด ตบชายเร่ร่อนให้ข้าวกินแต่เนรคุณ ลัก จยย.ไปขายแล้วซื้อยาบ้ามาเสพ

แม่ค้าราดหน้าสุดทน ตบหน้าชายเร่ร่อนให้ข้าวกินแต่เนรคุณ ลักมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปขาย เอาเงินซื้อยาบ้ามาเสพ

เมื่อเวลา 12.30 น. ขณะที่ ร.ต.อ.วิฆเนตร ซื่อตรง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบได้รับแจ้งศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี ว่าพบคนร้ายที่ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นบีเอ็น 175อี สีดำแดง หมายเลขทะเบียน 1 กช 2429 อุดรธานี เมื่อกลางดึกวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 บริเวณหน้าห้องเช่าริมถนนศรีชมชื่น ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เดินมาขอข้าวร้านสเต็กภายในซอยพรมประกาย ถนนศรีชมชื่น เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานขอให้ตำรวจมาควบคุมตัวไว้ด้วยจึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบนายสมเกียรติ มาลัย อายุ 62 ปี เจ้าของร้านนายธงลาดหน้าถนนศรีชมชื่น เขตเทศบาลนครอุดรธานี เจ้าของรถจักรยานยนต์ที่หายไปชี้ให้ตำรวจจับชายเร่ร่อนสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำลาย ระบุว่าเป็นคนร้ายที่ลักรถจักรยานยนต์ไป พอเห็นตำรวจชายคนดังกล่าวได้ถอดรองเท้าวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะหลังร้านสะดวกซื้อตำรวจได้วิ่งไล่ติดตามและค้นหาประมาณ 30 นาที แต่ไม่พบตัว จึงทำทีถอนกำลังและให้นายสุดสาคร บุสดี ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานและผู้เสียหายดักซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าวไม่นานชายคนดังกล่าวก็เดินออกมาจึงเข้าจับกุมควบคุมตัวพร้อมกับแจ้งตำรวจ

จากการสอบสวนทราบชื่อภายหลังว่านายอ๊อด อายุ 45 ปี ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนเร่ร่อนไม่มีงานทำเดินขอข้าวตามร้านอาหารกินประทังชีวิตไปวันๆ ได้ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างของร้านนายธงลาดหน้า เมื่อกลางดึกวันที่ 21 กรกฎาคม แล้วนำไปขาย 1 หมื่นบาท นำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ พอเงินหมดก็กลับมาเร่ร่อนในเขตเทศบาลนครอุดรธานีขอข้าวตามร้านอาหารกินกระทั่งมาถูกตำรวจจับ

ขณะเดียวกันนางสุมาลี จันทร์เรือง อายุ 41 ปี หลานสาวนายสมเกียรติเจ้าของรถโมโหสุดขีด ได้ถอดรองเท้าเข้าไปตบหน้านายอ๊อด 4-5 ครั้ง ที่นายอ๊อดเนรคุณ เพราะนายอ๊อดเคยมาขอข้าวกินและก็เคยให้ข้าวนายอ๊อดกินหลายครั้งเพราะความสงสาร ไม่คิดว่านายอ๊อดจะมาเนรคุณตอบแทนด้วยการลักรถราคา 120,000 บาท ไปขายเพียง 10,000 บาท ตำรวจจึงควบคุมตัวไปโรงพักทำการสอบสวนและแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ก่อนควบคุมตัวนายอ๊อดไปตรวจยึดรถที่ลักไปขายที่ อ.หนองวัวซอ คืนมาเป็นของกลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป