เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 ส.ค. 65 พ.ต.ต.ประเสริฐกุลบุตรดี สว.(สอบสวน) สภ.พานทอง ได้รับแจ้งมีเหตุเด็กนักเรียนเสียชีวิตภายในรถตู้รับ-ส่ง ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 10 ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งรีบไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลพานทอง และหน่วยกู้ภัยว่างอุทยานพานทอง
วัทนี่ 1 ก.ย. 65 ที่ สภ.พานทอง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เชิญตัวนายบุญลือ ครูที่ขับรถ, นางสาวอารยา ครูเวรรถ พร้อมด้วยครูฝ่ายปกครอง และครูขับรถตู้รับส่งนักเรียนคันอื่นมาสอบปากคำที่โรงพัก จากการสังเกตบรรยากาศการสอบปากคำของครูบุญลือ และครูอารยา มีสีหน้าที่เรียบเฉย
ครูบุญลือ คนขับรถ และครูอารยา ครูเวร แต่รูบุญลือท่าทีไม่อยากให้สัมภาษณ์ เนื่องจากได้ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว ส่วนครูอารยา กล่าวสั้น ๆ ว่า วันนี้ตัวเองมาเซ็นหนังสือรับทราบข้อกล่าวหา ยืนยันว่าวันเกิดเหตุรถตู้คันดังกล่าว ไม่ได้ล็อกประตูรถแต่อย่างใด ตามที่ตัวเองเคยให้ข่าวไปแล้ว
ตนยอมรับว่าตอนนี้สภาพจิตใจตัวเองย่ำแย่ แต่คงไม่เท่าผู้ปกครองเด็กที่เสียชีวิต ถึงแม้ตัวเองจะเครียด แต่ตัวเองก็เข้าใจหัวอกพ่อแม่เด็กที่เสียชีวิต ตัวเองอยากเจอ อยากไปขอโทษครอบครัวเด็กมาก ส่วนการทำหน้าที่ครู ตอนนี้ตัวเองยังคงไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ยังไม่มีคำสั่งจากผู้อำนวยการแต่อย่างใด ระหว่างทีมข่าวสอบถามมครูอารยาอยู่นั้น ครูบุญลือได้แสดงท่าทีใช้มือปิดกล้องทีมข่าวอยู่เป็นระยะ เพื่อไม่ให้ถ่ายภาพ เพราะเจ้าตัวบอกว่า ได้ให้การไปหมดแล้ว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอนก บุตรอินทร์ ผู้กำกับการสถานีตำรรวจภูธรพานทอง เข้ามาพูดคุยกับ นางสาวเมทิกา โกศลปลั่งศรี แม่ของน้องจีฮุน และนาย ไทยอนันต์ ทองอยู่ พ่อของน้องจีฮุน ในรายละเอียดของคดีว่าเจ้าหน้าที่มีการรวบรวมหลักฐาน และการสอบสวนไปได้ค่อนข้างมาก เบื้องต้นมีการแจ้งข้อหา ครูที่ขับรถ และครูเวร ในข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
นางยุพิน วชิระโสวรรณ อายุ 58 ปี ย่าของน้องจีฮุน ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่ตัวเองเสียหาลานสาวไป ตัวเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทานข้าวเลย ซึ่งไม่ใช่แต่ตัวเองเท่านั้นที่รู้สึกเสียใจ คนในซอยเขาเสียใจทั้งหมด เพราะน้องจีฮุน หลานสาวตัวเองเขาเป็นคนน่ารัก ร่าเริง เข้ากับคนง่าย ชอบพูดคุย ชอบทักทาย ก่อนจะเข้าโรงเรียน น้องจีฮุนบอกว่าถ้าโตขึ้นอยากเป็นหมอ อยากมาดูแลคุณย่า ตัวเองจึงบอกให้หลานสาวตั้งใจเรียน จะได้สอบติดหมอมารักษาย่าได้
ก่อนหน้านี้หลานสาวเคยมาเล่าให้ตัวเองฟังว่า โดนครูที่โรงเรียนบิดหู และหลานสาวก็กลัว ไม่กล้าที่จะไปโรงเรียน ตอนนั้นทางครอบครัวก็ยังไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปคุยกับทางครูแต่อย่างใด ตั้งแต่เกิดเหตุมาทางครูที่โรงเรียนก็ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาขอโทษ สำหรับวันเกิดเหตุ ครูที่โรงเรียนได้มาแจ้งข่าวกับทางครอบครัวเวลาเกือบจะ 5 โมงเย็น ซึ่งมาบอกว่าจีฮุนไม่หายใจแล้ว ตอนนั้นเข่าตัวเองแทบทรุด พ่อและแม่น้องจีฮุนจึงรีบขับรถไปดูน้องที่โรงเรียน โดยตัวเองได้ตามไปภายหลัง หลานนอนหมดสติอยู่ในรถ ตัวเองอยากจะเข้าไปกอดหลานสาว ก็ไม่สามารถเข้าไปกอดได้ เพราะเจ้าหน้าที่ห้ามเอาไว้
ตัวเองอยากถามครูที่โรงเรียนว่า ตอนที่เด็กเข้าเรียนแต่ละห้องเขาไม่ได้เช็กชื่อเด็กนักเรียนในชั้นเรียนกันเลยหรือ ถ้าเขาพบว่าน้องจีฮุนไม่มีชื่อในการเรียนวันดังกล่าว ทำไมถึงไม่ไลน์มาสอบถามผู้ปกครอง เพราะครูที่ปรึกษาก็มีไลน์พ่อแม่เด็กทุกคนอยู่แล้ว เขาควรไลน์มาถามผู้ปกครองบ้างว่าทำไมบุตรหลานถึงไม่มาโรงเรียน เพราะถ้าเกิดปัญหาตามมาผู้ปกครองจะช่วยเช็กบุตรหลานได้ทัน
ตอนนี้ตัวเองอยากให้ทางโรงเรียนยกเลิกบริการรถรับ-ส่งนักเรียนไปเลย ถ้ามีแล้วไม่พร้อมที่จะทำงาน ก็อย่ามีเลยดีกว่า แล้วถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ผู้ปกครองขับรถไปส่งบุตรหลานเองดีกว่า ส่วนเรื่องการรับผิดชอบ ตัวเองก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของพ่อแม่น้องจีฮุนในการตัดสินใจเรื่องนี้ต่อไป
ด้านนางสาวบัวตอง (นามสมมติ) ผู้ปกครองของเด็กชายที่นั่งรถตู้คันเดียวกันกับน้องจีฮุน ให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดเหตุรถตู้โรงเรียนคันดังกล่าว มารับลูกชายตัวเองเรียนชั้น ป.5 เวลา 06.50 น. ในรถรับเด็กนักเรียนมาแล้ว 2 คน พอรับลูกชายเสร็จแล้ว รถคันดังกล่าวก็ไปรับนักเรียน 1 คน ที่อยู่บ้านถัดจากตัวเองไป แล้วก็วนรถกลับไปรับน้องจีฮุน ก่อนจะรับเด็กคนอื่น ๆ ตามจุด แล้ววนเข้าโรงเรียนต่อไป
จากการสอบถาม ลูกชายเล่าให้ฟังว่าวันเกิดเหตุ ตอนรับน้องจีฮุนขึ้นรถจีฮุนได้นั่งข้างครูเวร พอขึ้นรถไปสักพัก ครูเวรได้ให้จีฮุนไปนั่งแถวที่ 3 เนื่องจากเบาะที่จีฮุนนั่งตอนแรก เป็นทางเดินขึ้น-ลงรถ และส่วนใหญ่จะให้นักเรียนตัวเล็กนั่งตรงนั้น กระทั่งจีฮุนย้ายไปนั่งแถวที่ 3 เป็นแถวเดียวกับลูกชายตัวเอง ลูกชายตัวเองนั่งอยู่ฝั่งประตูซึ่งเป็นเบาะเดี่ยว จีฮุนนั่งฝั่งเบาะคู่ ซึ่งหลังจากลูกชายนั่งรถไปสักพัก เขาก็เห็นจีฮุนหลับอยู่บนรถ แต่ไม่รู้ว่าหลับไปถึงตอนไหน เพราะถึงโรงเรียนลูกชายตัวเองก็ลงจากรถปกติ
ซึ่งครูคนที่ขับรถตู้วันดังกล่าวคือครูบุญลือ และครูเวรก็คือครูอารยา ตามที่ปรากฏในข่าว วันนั้นครูทั้ง 2 เขาก็ดูแลเด็กเป็นอย่างดี หลังจากทราบข่าวยอมรับว่าตัวเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ทางโรงเรียนมีมาตรการเข้มงวดกว่านี้ ควรนับจำนวนนักเรียนในรถว่ามีตกหล่นหรือไม่ หลังเกิดเหตุตัวเองก็รู้สึกกังวงลใจ ถามว่าหลังจากนี้จะให้นั่งรถบริการของโรงเรียนอีกหรือไม่ ตัวเองก็ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้ตัวเองให้ลูกลาหยุดไปสักระยะ เพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจของลูกชาย กลัวว่าลูกชายจะเครียด