จากกรณีกลุ่มชาวบ้านในชุมชน แยกถนนพระราม 9 รามคำแหง กรุงเทพฯ ร้องเรียนว่ามีเด็กผู้หญิงอายุ 14 ปี ถูกนายเฉลิมล่อลวง ไปล่วงละเมิดทางเพศเป็นประจำ โดยนายแฮม (นามสมมติ) พ่อแท้ ๆ ก็รู้เห็นเป็นใจ เพื่อแลกกับกัญชากับเพื่อนสนิท วอนหน่อยงานเข้ามาดูแล ล่าสุด นายเฉลิมยังไม่กลับมาที่ชุมชน (อ่าน :
พ่อเปิดอกโต้ขายลูกสาววัย 14 แลกกัญชา แต่ส่งให้ลุงข้างบ้านดูแลแลกเงินซื้อของพี้)
วันที่ 22 เม.ย. 62
นายแมน (นามสมมติ) ชาวบ้านในชุมชน กล่าวว่า นายเฉลิมเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือคนจน หากนายเฉลิมไม่เข้าไปช่วยครอบครัวด.ญ.นุช ก็อาจจะอดตายได้ ก่อนหน้านี้นายเฉลิมเคยไปสู่ขอ ด.ญ.นุช ให้เงินค่าสินสอด 100,000 บาท แต่เด็กยังอายุน้อย ไม่สามารถแต่งงานได้ ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนศาสนาเพื่อจะมาแต่งงานกับ ด.ญ.นุช ซึ่งเจ้าตัวก็คอยเลี้ยงดูเด็กอย่างดี ซื้อโทรศัพท์ให้ และให้เงิน แต่เด็กค่อนข้างดื้อ บางครั้งเคยตีศีรษะนายเฉลิม ซึ่งนายเฉลิมก็ได้แต่ห้าม โดยไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเด็ก และด.ญ.นุชก็ชอบแหย่เล่นกับนายเฉลิมด้วยความรัก แต่ตนไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหรือไม่
ส่วนเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะมีปัญหากันเรื่องที่ดินที่นายเฉลิมอาศัยอยู่ เนื่องจากมีคนในหมู่บ้านเก็บเงินค่าเช่าที่ดังกล่าว
นายอดัม (นามสมมติ) ลูกชายนายแฮม พี่ชายต่างมารดาของ ด.ญ.นุช เปิดเผยว่า ตนไม่สามารถติดต่อพ่อได้ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ได้ตรวจปัสสาวะพ่อแล้วพบสารเสพติด จึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด ก่อนส่งตัวไปบำบัดที่สถานบำบัดพิเศษ เรือนจำคลองเปรม
ส่วนคดีเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ ตนรู้สึกตกใจมาก และยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พ่อตนไม่ได้ขายลูกกิน ทั้งนี้ นายเฉลิมรู้จักกับพ่อและเข้ามาดูแลครอบครัวตั้งแต่สมัยแม่ของ ด.ญ.นุช ยังมีชีวิต เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ส่วนเรื่องชู้สาว ตนไม่ทราบ แต่ทุกครั้งที่เข้าไปที่บ้านก็จะเห็นน้องอยู่กับพ่อ ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับนายเฉลิม
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าข่าวแรงเกินไป โดยก่อนหน้านี้ที่นายเฉลิมมาสู่ขอ ด.ญ.นุช ตนก็เตือนพ่อว่าอย่าเพิ่งยกน้องให้อีกฝ่าย เพราะน้องยังเด็ก อาจจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ได้ พ่อก็เห็นด้วย