จากกรณีที่นายคริส ด๊อดด์ อายุ 29 ปี นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวอังกฤษ เปิดเผยกับเดลี่เมล์ สื่อยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ หลังจากเมื่อเดือน ก.พ. 62 ถูกตำรวจไทยจับขังคุก และถูกจับโกนศีรษะ โดยอ้างว่าเจ้าตัวเก็บโทรศัพท์มือถือที่หล่นบนพื้นถนนนอกสนามบินเชียงใหม่ และตั้งใจจะนำส่งคืนเจ้าของ แต่ยังไม่ทันทำตามที่ตั้งใจ กลับถูกยัดเยียดข้อหาว่าลักทรัพย์ กระทั่งได้รับการปล่อยตัวออกมา และกลับบ้านเกิดไปเมื่อกลางเดือน เม.ย. 62 (อ่าน :
ฝรั่งฟ้องสื่อนอก ถูกข้อหาลักทรัพย์แค่เก็บมือถือได้ สุดท้ายหน้าแหก ตร.ไทยงัดภาพโชว์ )
ล่าสุด วันที่ 23 เม.ย. 62 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลทราบว่า การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 62 เวลาประมาณ 20.40 น. โดยในช่วงก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวหญิงชาวเยอรมันว่าทำโทรศัพท์มือถือสูญหาย จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบชายชาวต่างชาติหยิบเอาโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่ตกพื้นในอาคารผู้โดยสาร จากนั้นขึ้นรถตู้โดยสารออกไปจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ กระทั่งต่อมาสามารถติดตามพบตัวนักท่องเที่ยวชายที่เก็บโทรศัพท์มือถือดังกล่าวไปที่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทราบชื่อต่อมาว่าคือนายคริสโตเฟอร์ เมอร์รี่ ด๊อดด์ อายุ 29 ปี ชาวอังกฤษ ซึ่งยอมรับว่าหยิบโทรศัพท์มือถือดังกล่าวไปจริง และทำการลบข้อมูลบางส่วนออกไป พร้อมเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน และเปลี่ยนภาษาของเครื่อง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวแล้วส่งดำเนินคดี ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์
ทั้งนี้ พันตำรวจเอกรณชัย รอดลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ยืนยันว่า ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง เมื่อพบว่านายคริสโตเฟอร์ ได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือดังกล่าวไป จึงได้ติดตามไปจนถึงที่พัก และทำการตรวจสอบอย่างละเอียด จนพบว่ามีการลบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ และมีการเปลี่ยนรหัสผ่าน รวมทั้งภาษาที่ใช้ในเครื่อง
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ขัดแย้งกับที่นายคริสโตเฟอร์ อ้างว่าตั้งใจจะนำโทรศัพท์ไปส่งคืนให้เจ้าของ จึงได้มีการควบคุมตัวและส่งดำเนินคดี พร้อมส่งฟ้องศาล ส่วนกรณีที่มีการโกนศีรษะของนายคริสโตเฟอร์นั้น ได้เป็นไปตามขั้นตอนระหว่างที่ศาลฝากขังที่เรือนจำ