สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันพุธ (28 มิ.ย.) อ้างการให้สัมภาษณ์ของพลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค หรือ “เสธ. โหน่ง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ออกมายืนยันว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ทุ่มเทความพยายามอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาเพื่อปราบปราม กวาดล้าง และแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยอย่างเป็นระบบ
พลโท วีรชน ระบุ รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันซึ่งมีจุดยืนต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมให้ความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกามากขึ้นในการแก้ปัญหานี้ เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากบัญชีรายชื่อประเทศที่อยู่ในข่ายที่ยังต้อง “เฝ้าระวัง” หรือ “เทียร์ 2” ในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์
โฆษกรัฐบาลไทยยังระบุ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อม
“เปิดประตูต้อนรับ”เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯให้เดินทางเข้ามาตรวจสอบการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย เพื่อแสดงให้สหรัฐฯได้เห็นถึงความ
“จริงใจ”ของไทยในการแก้ปัญหานี้
ท่าทีล่าสุดของโฆษกรัฐบาลไทยมีขึ้นภายหลังจากที่ทางเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ทั่วโลกประจำปี 2017 (2017 Trafficking in Persons) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ทิพ รีพอร์ต” เมื่อคืนวันอังคาร (27)
โดยเนื้อหาในรายงานฉบับล่าสุดนี้ระบุว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ทางการไทย
“มิได้แสดงออกว่าได้เพิ่มความพยายาม” ในการต่อต้าน ปราบปรามและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ให้มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่มีการจัดทำรายงานทิพ รีพอร์ตฉบับก่อน อีกทั้งสหรัฐฯ ยังไม่พบว่า มีการตัดสินลงโทษเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในไทยแต่อย่างใด
เนื้อหาในรายงานทิพ รีพอร์ต 2017 ยังระบุว่า ไทยยังคงเป็นแหล่งดึงดูดแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านรายรอบและแรงงานจำนวนหลายล้านคนเหล่านี้
“ยังอยู่ในภาวะที่เปราะบาง”และสุ่มเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดในรูปแบบต่างๆ จากขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตของไทยรวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะแรงงานใน “อุตสาหกรรมประมง” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐฯเคยจัดอันดับให้ไทยอยู่ในกลุ่มเทียร์ 3 ของรายงานทิพ รีพอร์ต ซึ่งหมายถึง การเป็นประเทศที่มีปัญหาการค้ามนุษย์ในขั้นรุนแรงและเลวร้าย ซึ่งสหรัฐฯมิอาจยอมรับได้ ก่อนที่สหรัฐฯจะปรับอันดับในปี 2016 ให้ไทยขึ้นมาอยู่ในระดับเทียร์ 2 หรือกลุ่มประเทศที่มีการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในระดับที่ยังไม่เพียงพอ และยังต้องถูกเฝ้าจับตามองต่อไป
อย่างไรก็ดี รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ภาพรวมโดยทั่วไปของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าในยุคของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาลที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง ขณะที่ทรัมป์เองได้ประกาศเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางไปเยือนทำเนียบขาวด้วยตัวเอง
คลิปวิดีโอ ขอบคุณ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
U.S. Department of State