กองทัพฟิลิปปินส์แถลงในวันพุธ (28 มิ.ย.) ระบุ ประชาชนจำนวนกว่า 246,000 คนต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพจากวิกฤตความขัดแย้งและการสู้รบที่ยืดเยื้อมานาน 6 สัปดาห์ที่เมืองมาราวี ซิตี้ นับตั้งแต่ที่กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “เมาเต” ที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก ได้บุกเข้ายึดเมืองแห่งนี้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา
คำแถลงของเรสติตูโต ปาดิญา โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์ระบุด้วยว่า มีสมาชิกกองกำลังความมั่นคงฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นกองกำลังผสมทหาร-ตำรวจเสียชีวิตจากการสู้รบกับกลุ่มเมาเตไปแล้ว 71 นาย และพบประชาชนถูกกลุ่มติดอาวุธเมาเตสังหารอย่างน้อย 27 ราย ขณะที่จำนวนนักรบของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าวที่ถูกกองทัพสังหารได้มีจำนวน 299 ราย
ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน กองทัพฟิลิปปินส์เปิดเผยข้อมูลว่า พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า กลุ่มติดอาวุธเมาเตบังคับให้ชาวบ้านในพื้นที่จับอาวุธก่อเหตุปล้นบ้านเรือน ร้านค้า เพื่อนำสิ่งของมีค่า มามอบให้กับกลุ่มเมาเต และพบการบังคับสตรีในพื้นที่เป็น “ทาสบำเรอกาม”
ด้านประธานาธิบดีโรดริโก้ ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกต่อสาธารณชนในวันอังคาร (27) หลังเก็บตัวเงียบมานานกว่าสัปดาห์ ออกมาแถลงยอมรับว่า กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์กลุ่มนี้ มีเครือข่าย “ท่อน้ำเลี้ยง” ขนาดใหญ่อยู่ในต่างประเทศ แต่ให้คำมั่นว่ารัฐบาลและกองทัพฟิลิปปินส์จะไม่ยุติการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธนี้ จนกว่าจะได้รับชัยชนะ
คลิปวิดีโอขอบคุณ
khAm Sapad