หนุ่มสาดน้ำกรดเข้ามอบตัว รับทำไปเพราะหึงหวง หวังเริ่มชีวิตใหม่หลังพ้นโทษ

13 ก.ย. 65

หนุ่มสาดน้ำกรดเมีย เข้ามอบตัว เผยสุดทนเมียมีชู้ขอเลิกตลอด ทั้งที่มีลูก 5 คน รับทำไปเพราะหึงหวง หวังพ้นโทษแล้วจะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูก

ความคืบหน้าวันนี้ (13 กันยายน 2565) จากกรณีเหตุการณ์หญิงสาวถูกสาดด้วยน้ำกรดเข้าบริเวณใบหน้าจนต้องวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือในร้านเสริมสวย แห่งหนึ่งย่านดอนเมือง พ.ต.อ.ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผกก.สภ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสมประสงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปักธงชัย เบื้องต้นผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายภรรยา คือ นางสาวธนธรณ์ (สงวนนามสกุล) 25 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัสจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำบันทึกรับมอบตัว และได้ประสานให้ตำรวจ สน.ดอนเมือง เดินทางมารับตัวผู้ต้องหารายนี้แล้ว

นายสมประสงค์ ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับภรรยาของตนเมื่อประมาณ 7 ปีก่อนที่ จ.ภูเก็ต โดยตนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ส่วนฝ่ายหญิงทำงานร้านเสริมสวย ซึ่งในตอนนั้นฝ่ายหญิงมีลูกติดมาด้วย 1 คน และตนก็ได้คบหาอยู่กินกับฝ่ายหญิงจนมีลูกด้วยกันอีก 3 คน

ต่อมาพวกตนได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ฝ่ายหญิงก็ไปมีคนอื่น และก็มีลูกกับชายคนอื่นอีก 1 คน พร้อมกับพยายามขอเลิกกับตน ก่อนเกิดเหตุตนได้ไปขอคืนดีกับฝ่ายหญิง และขอให้กลับมาดูแลลูกด้วยกัน แต่ตกลงกันไม่ได้ ตนจึงเกิดความโมโหใช้น้ำกรดที่เตรียมไปด้วยสาดใส่ฝ่ายหญิงดังกล่าว หลังก่อเหตุตนก็ได้หนีมาบ้านเกิดที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา และได้เอาลูกๆ ทั้ง 4 คน ตนโตอายุ 5 ปี 4 ปี 3 ปี และ 1 ปี ตามลำดับ มาฝากไว้ให้กับแม่ของตนช่วยดูแล ส่วนลูกอีก 1 คน ซึ่งเป็นลูกของชู้ฝ่ายหญิง อายุ 2 เดือน ได้ยกให้เป็นลูกบุญธรรมของผู้ใจบุญไปเลี้ยงแล้วตั้งแต่คลอด ก่อนที่ตนจะตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

ตอนรับโทษก็จะฝากลูกไว้ให้พ่อแม่เลี้ยงไปก่อนหลัง โดยหลังจากจากพ้นโทษออกมาแล้วก็จะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่ ในเมื่อมันพลาดไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ทำ และจะไม่กลับไปหาผู้หญิงคนนี้อีกแล้วแล้ว เนื่องจากต้องการให้มันจบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมาทรมานชีวิตอีก นายสมประสงค์ กล่าว

ด้านนางมาลี แม่ของนายสมประสงค์ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องราวตนก็ได้พูดจากล่อมลูกชายให้เข้ามอบตัว ส่วนลูกๆ ของลูกชาย ตนก็คงต้องอดทนสู้เลี้ยงดูหลานๆ ทั้ง 4 คน แต่ครอบครัวของตนก็ยากจน และถ้าหากตนเลี้ยงไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องให้สถานสงเคราะห์ช่วยรับตัวหลานไปช่วยรับเลี้ยง

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส