ครั้งแรก! เพื่อนจ่าคลั่งเฉลยทำไมค่ายไม่ยึดปืนปล่อยจ่าไปยิง 2 ศพ - ชมตร.เดิมพันชีวิตเจรจา (คลิป)

14 ก.ย. 65

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 14 ก.ย. 65 เกิดเหตุนายทหารชั้นประทวน จ่าสิบเอกยงยุทธ มังกรกิม ตำแหน่งเสมียน วิทยาลัยการทัพบก อายุ 59 ปี พกอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้ามาในหน่วยงาน และได้ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งกำลังปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงาน ในพื้นที่วิทยาลัยการทัพบก ถ.เทอดดำริ เขตดุสิต กทม.

806351

เป็นเหตุให้นายทหารชั้นประทวนเสียชีวิต 2 นาย ได้แก่ จ่าสิบเอกนพรัตน์ อินทรสุนทร ตำแหน่งเสมียน วิทยาลัยการทัพบก และ จ่าสิบเอกประการ สินส่ง ตำแหน่งเสมียน วิทยาลัยการทัพบก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ จ่าสิบเอกยงยุทธ ปัญญานุวัฒน์ สำหรับผู้บาดเจ็บได้ถูกนำส่งเข้ารับการรักษาพยาบาลทันที ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

843864923443

ซึ่งภายหลังจากก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมจับกุมนำตัว จ่าสิบเอกยงยุทธ มังกรกิม เสมียน วิทยาลัยการทัพบก กรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้ก่อเหตุ ไปสอบสวนที่ สน.ดุสิต ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจเขม่าดินปืนของผู้ก่อเหตุ

951689

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ จ.ส.อ.ประพจน์ ไวยเวธา เพื่อนสนิท จ.ส.อ.ประการ ผู้เสียชีวิต และเป็นเพื่อนกับ จ.ส.อ.ยงยุทธ ผู้ก่อเหตุ โดย จ่ากบ ระบุว่า ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ตนกำลังทำงานอยู่ ไม่ได้ยินเสียงปืนเลย ทราบจากเพื่อนร่วมงานในตึกใกล้เคียงที่โทรมาแจ้งข่าว ระบุว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้น เพียงไม่นานก็เห็นผู้คนตึกใกล้เคียงแตกตื่นวิ่งออกมานอกตึกกันหลายคน

และตนเองก็ได้ยินเสียงประกาศแจ้งให้ออกจากพื้นที่ และกั้นคนเอาไว้เพื่อปิดโซนพื้นที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าในขณะนั้น ไม่มีใครทราบได้ว่า มีใครเป็นอะไรหรือไม่ และมาทราบกันในภายหลังว่า เพื่อนสนิทตนเองถูกยิง และมาเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล

ยืนยันว่าในพื้นที่ไม่สามารถพกอาวุธปืนเข้าพื้นที่ได้ แต่การจะเข้าพื้นที่ก็ไม่มีการตรวจสอบใครที่พกอาวุธมาจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอาวุธ และในวันเกิดเหตุก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่านายยงยุทธ จะพกปืนเข้ามา ซึ่งเมื่อผู้ก่อเหตุเจอใครก็จะยิงทันทีโดยที่ไม่ได้ระบุ คนที่หนีตายก็คือหลบกันออกมาอีกฝั่ง ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ

535549

ส่วนตัว จ.ส.อ.ประการ สินส่ง อายุ 46 ปี (ผู้เสียชีวิต) ทำงานตั้งแต่สมัยเป็นลูกจ้าง และสอบติดนายสิบ ก่อนจะบรรจุเข้าราชการ ประมาณกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งเพื่อนตนเองนั้นมีครอบครัวอยู่กับพ่อแม่ น้องสาว และ ภรรยา ไม่มีลูก อยู่ภายในแฟลตทหาร โดยเพื่อนสนิทตนเองนั้น เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง ไม่มีปัญหากับใคร อยู่ข้างใครก็จะทำให้คนนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ เพื่อนฝูงจะรักใครว่า เป็นคนขี้เล่นและรักเด็กมาก ใครมีลูกหลานในแฟลตทหารก็จะซื้อขนม ช่วยเลี้ยงดูให้พาไปว่ายน้ำ

หลังทราบว่าเกิดเหตุในพื้นที่กรมทหาร ยอมรับว่าตกใจมากเกินความคาดคิด อีกทั้งทางด้าน จ.ส.อ.ยงยุทธ (ผู้ก่อเหตุ) ทำงานที่เดียวในตึกเดียวกับเพื่อนตนเอง เรียกว่าระยะหลังมานี้ จ.ส.อ.ยงยุทธ ประสบอุบัติเหตุ และต้องผ่าตัดสมอง ตั้งแต่เกิดเหตุเกือบปีก็ไม่ค่อยได้เข้ามาทำงาน นาน ๆ จะเข้ามา 

จริง ๆ แล้ว จ.ส.อ.ยงยุทธ ผู้ก่อเหตุ ยังอยู่ในช่วงพักรักษาตัว และยังไม่ถึงช่วงที่จะต้องกลับมาทำงาน แต่เนื่องด้วยเขาอาจจะมีปัญหาทางสมองก็สวมใส่ชุดมาเข้ามาทำงานแวะเวียนบ้างบางครั้ง ซึ่งจริงแล้วนั้นในปี 66 เรียกว่า จ.ส.อ.ยงยุทธ จะประจำการเกษียณอายุราชการแล้ว แต่มาก่อเหตุการณ์เช่นนี้ก่อน

535472559293602755

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาให้ข้อมูลระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณเวลา 09.50 น. ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุยิงภายในบริเวณวิทยาลัยการทัพบก กรมยุทธศึกษาทหารบก หลังรับแจ้งช่วง 10 นาที เจ้าหน้าที่ชุดแรก เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวนสวนมาที่เกิดเหตุทันที ได้ปิดล้อมที่เกิดเหตุ และได้มีการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุโดยเจรจาต่อรองเกลี้ยกล่อมให้มีการมอบตัว และการเจรจาเป็นผล ทางด้าน จ.ส.อ.ยงยุทธ มอบตัวประมาณเวลา 10.00 น. 

965023423921

โดยในที่เกิดเหตุพี่สาวของ จ.ส.อ. นพรันต์ ผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตกใจที่น้องถูกยิง ทั้งที่จะเกษียณอายุราชการแล้ว ยังได้พูดคุยกันอยู่ว่าหลังเกษียณจะไปอยู่บ้านด้วยกัน แต่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์นี้ทำให้เสียชีวิตไปก่อน 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส