สุดทน!! สภาฯผู้บริโภคตบเท้าเครือข่าย 14 จังหวัด จ่อฟ้อง กสทช. ยืนข้างนายทุน ลอยแพค่าบริการ ทำตลาดโทรคมฯผูกขาดถาวร
วันที่ 15 ก.ย. น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) กล่าวในวงเสวนา "ผลกระทบการผูกขาดมือถือต่อสิทธิพลเมือง 5G" กล่าวว่า การควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู กับดีแทค ขณะนี้อยู่ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำลังจะมีมติพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ทันทีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นเกี่ยวกับอำนาจของ กสทช.ที่จะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
ส่วนตัวมองว่า การทำหน้าที่ของ กสทช.ไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญที่ต้องยืนอยู่ข้างประชาชนต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะ รวมตลอดทั้งการให้ประชาชนมีส่วนได้ใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ด้วย ดังนั้น สอบ.และเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค 14 จังหวัด กำลังจะยื่นฟ้อง กสทช. เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ กสทช.ในประเด็นการพิจารณาการควบรวมดังกล่าว ตอนนี้จำเป็นต้องสร้างการรับรู้ในทุกๆภาคส่วนเกี่ยวกับดีลครั้งนี้ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ภาคผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ที่หากอัตราราคาค่าบริการเพิ่มขึ้น 10-20 บาท ก็มีผลต่อการดำรงชีวิตแล้ว อีกทั้ง ยังมีกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้พิการ ซึ่งคนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลักในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้น หากควบรวมกันสำเร็จและราคาสูงขึ้น กลุ่มเหล่านี้อาจจะต้องไม่ถูกลืม
"เสนอให้ กสทช.จัดเวทีเปิดรับฟังความเห็นต่อเรื่องนี้ไปยังต่างจังหวัด เพราะเรื่องการควบรวมมันส่งผลถึงคนทั้งประเทศ ซึ่งกสทช.มีสำนักงานภูมิภาค 20 จังหวัด บอร์ด กสทช.ควรจะมอบนโยบายสั่งลงมา เพราะอย่าลืมว่า ภาคประชาชนมีหลายมิติและทุกกลุ่มควรมีสิทธิได้แสดงเจตนารมย์ของตัวเอง"
นอกจากนี้ สุภิญญา กล่าวอีกว่า การเรียกร้องของ สอบ.ไม่ใช่แต่อยู่ในมุมของการดีลการควบรวมแต่ในอนาคตอีก 1-2 ปีโลกจะเข้าสู่ยุค IOT อย่างเต็มรูปแบบการใช้ชีวิตต้องพึ่งพิงกับอินเทอร์เน็ตตามพลวัตของโลก ดังนั้น สิทธิพลเมืองและเสียงของประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ กสทช.หรือแม้แต่รัฐบาลเองไม่ควรเพิกเฉย และการรวมกันของ สอบ.และเครือข่าย 14 จังหวัดจะช่วยให้เสียงที่ส่งออกมาทรงพลังมากขึ้น และก่อนที่จะ กสทช.จะลงมติต่อดีลการควบรวมทรูและดีแทคอย่างไรนั้นควรฟังเสียงของประชาชน และต้องเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นเรื่องนี้อย่างกว้างขวางและกระจายลงไปได้ทุกย่อมหญ้า
น.ส.วสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสอบ. บอกว่า นอกจากที่สอบ.และเครือข่าย 14 จังหวัดจะยื่นฟ้อง กสทช.แล้ว สอบ.จะร่วมกับพรรคก้าวไกลในการยื่นฟ้องการทำหน้าที่ของ กสทช.ในครั้งนี้ด้วย สำหรับประเด็นการควบรวมทรูและดีแทคนั้น ตนขอชี้แจงในมุมของผู้บริโภคว่า ทรูเคยส่งข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ 5 ข้อดีของการควบรวม แต่ในมุมกลับกันต้องมองว่าผู้บริโภคจะเสียอะไรไปบ้างหากการควบรวมสำเร็จ โดยทางสอบ.ก็มี 5 เหตุผลที่ไม่ควรอนุญาตให้ควบรวม
พร้อมย้ำว่าการควบรวมครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะ กสทช.มีอำนาจตามประกาศมิให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมกระทำการอย่างใดอันเป็นการผูกขาด หรือลด หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการกิจการโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงการสั่ง “อนุญาต” หรือ “ไม่อนุญาต” การควบรวมธุรกิจของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมด้วย อีกทั้ง กสทช. มีหน้าที่ในการนำหลักเกณฑ์ของประกาศป้องกันการผูกขาด ปี 2549 และประกาศควบรวมธุรกิจ 2561 มาใช้ควบคู่กัน
"กสทช.ควรเปิดเวทีดีเบตข้อดี-ข้อเสียการควบรวมธุรกิจในครั้งนี้ ให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด เพราะผู้บริโภคคือคนที่ต้องรับภาระปลายทาง และเมื่อมีเวทีดีเบตแล้ว มีคนพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหากปล่อยให้ควบรวม กสทช.จะไม่ฟังเสียงประชาขนเชียวหรือ จะมีความเห็นยืนคนละฟากกับประชาชนหรือ กสทช.ควรดำรงไว้ซึ่งเกียตริภูมิของตัวเอง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและชาติ" น.ส.สารีกล่าว