ความคืบหน้าคดี จ่าคลั่งยิง 2 ศพ บาดเจ็บ 1 คน เหตุเกิดภายใน กรมยุทธศึกษาทหารบก ถนน เทอดดำริ เขตดุสิต กทม. เมื่อวานที่ผ่านมา ล่าสุด ตร. แจ้ง 4 ข้อหาหนัก
เมื่อเวลา 9.00 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน. ดุสิต ได้ควบคุมตัว จ่าสิบเอก ยงยุทธ ขึ้นรถออกไปจาก สน.ดุสิต จากนั้นผ่านไป 20 นาที จึงนำตัวกลับมาควบคุมต่อที่ สน. ดุสิตซึ่งคาดว่าอาจพาไปตรวจร่างกาย และ ประเมินสภาพจิต ที่โรงพยาบาล
พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ ผู้ก่อเหตุยังให้การวกวน ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และสภาพจิตใจยังไม่อยู่ในสภาพ ที่จะรับทราบข้อหาได้ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยังมีเวลา อีก 1 วันในการสอบปากคำ โดยในวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปตรวจร่างกาย และประเมินสภาพจิต ที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล เนื่องจากจ่าสิบเอก ยงยุทธเคยมีประวัติรักษาอาการทางสมอง ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อนำผลมาประกอบสำนวน ทั้งนี้หากกระบวนการแล้วเสร็จ จะนำตัวส่งฝากขังที่ศาลทหาร คาดว่าเร็วสุดในช่วงบ่ายนี้ และอย่างช้าสุดในเช้าวันพรุ่งนี้
สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีเหมือนกับคดีทั่วไป ๆ ตำรวจยังมีอำนาจในการสอบสวน และควบคุมตัวได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง แต่ผู้ก่อเหตุเป็นทหาร จึงมีขั้นตอนมากขึ้น เช่นการสอบสวนจะต้องสอบสวนร่วมกับนายทหารพระธรรมนูญ การนำตัวส่งฝากขังต้อง ส่งที่ศาลทหาร
โดยจ่าสิบเอก ยงยุทธ เข้าข่ายความผิด ใน 4 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่าผู้อื่น, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะ
ด้านพลตรี บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักพระธรรมนูญทหารบก เปิดเผยว่า ตามขั้นตอนปฎิบัติ พนักงานสอบสวนจะต้องควบคุมตัว จ่าสิบเอก ยงยุทธ มังกรกิม ผู้ต้องหา ไปขออำนาจศาลฝากขัง ซึ่งหากพบว่าผู้ต้องหามีประวัติการรักษาทางจิตเวช ก็จะต้องยื่นคำร้องขอศาลเพื่อส่งตัวไปตรวจอาการที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ หาก แพทย์ระบุว่ามีอาการป่วยทางจิตแต่เวชจริง ก็จะต้องเข้าสู่ขบวนการบำบัดรักษา จนกว่าอาการจะดีขึ้นจึงเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางคดีต่อไป
ส่วนร่างของ จ่าสิบเอก นพรัตน์ อินทสุนทร และจ่าสิบเอกประการ สินส่ง ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล และโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ญาติจะไปรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดแก้วฟ้า จุฬามณี ย่านเกียกกาย ต่อไป