สปสช.เตรียมมาตรการรองรับ หลังยกเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน พบเบิกจ่ายไม่ถูกต้อง

18 ก.ย. 65

สปสช.แจงเหตุผลยกเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน หลังพบมีการเบิกค่าคัดกรองเมตาบอลิกไม่ตรงกับข้อเท็จจริง พร้อมเตรียมการรองรับไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงกรณีที่ สปสช.ได้ยกเลิกสัญญาบริการสาธารณสุขโรงพยาบาลเอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 9 แห่ง ได้แก่

1. รพ.มเหสักข์

2. รพ.บางนา 1

3. รพ.ประชาพัฒน์

4. รพ.นวมินทร์

5. รพ.เพชรเวช

6. รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2

7. รพ.แพทย์ปัญญา

8. รพ.บางมด

9. รพ.กล้วยน้ำไท

ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ว่า การยกเลิกสัญญาดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (อปสข.กทม.) ที่ให้ดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เรียกเงินคืน แจ้งสภาวิชาชีพ ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการเอกชนทั้ง 9 แห่งดังกล่าว รวมทั้งการยกเลิกการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ เนื่องมาจากผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข พบเอกสารหลักฐานว่า หน่วยบริการเอกชนทั้ง 9 แห่งมีการเบิกค่าคัดกรองเมตาบอลิกไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงเป็นที่มาการยกเลิกสัญญาเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ และหน่วยบริการรับส่งต่อในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

“ทั้งนี้ สปสช.ได้เตรียมมาตรการและแนวทางรองรับประชากรที่ได้รับผลกระทบไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วตามข่าวที่รายงานก่อนหน้านี้ ขอให้ประชาชนที่ลงทะเบียนใช้สิทธิรักษาพยาบาลที่ รพ.เอกชนทั้ง 9 แห่งไม่ต้องกังวลใจ” ทพ.อรรถพร กล่าว

โดย รพ.ทั้ง 9 แห่งนี้ ดูแลประชากรผู้มีสิทธิบัตรทองจำนวน 696,103 คน ในจำนวนนี้มีเพียง 62,331 คน หรือประมาณร้อยละ 9 ที่ใช้สิทธิรับบริการ โดยเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังจำนวน 24,058 คน

รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สปสช.ได้เตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ รองรับไว้แล้ว เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจัดหาหน่วยบริการปฐมภูมิเพื่อรองรับให้การดูแล เช่น คลินิกเวชกรรม คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และร้านยา เป็นต้น พร้อมจัดระบบบริการปฐมภูมิรูปแบบใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้บริการ ได้แก่ ระบบบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อเพิ่มทางเลือกกับให้กับประชาชน ขณะเดียวกันได้จัดหาโรงพยาบาลรับส่งต่อ พร้อมกับประสานและจัดหน่วยบริการแห่งใหม่เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีนัดรักษาหรือติดตามอาการ 

ผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิกับ รพ.เอกชนทั้ง 9 แห่งนี้ กรณีผู้ป่วยในที่ยังนอนอยู่ รพ. รักษาต่อไปได้ จนกว่าจะปลอดภัย กรณีที่เป็นผู้ป่วยนัดรักษาต่อเนื่อง ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่มีนัดติดตามอาการ ผู้ป่วยที่รอการผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด และกรณีหญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด ฯลฯ ผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเร่งด่วน สปสช.ได้ประสานและจัดหาหน่วยบริการเพื่อให้การรักษาต่อเนื่องแล้ว

เบื้องต้นขอให้ติดต่อขอรับเวชระเบียน (ข้อมูลและประวัติการรักษา) กับโรงพยาบาลที่ท่านรักษาอยู่ในขณะนี้ โดย สปสช.ได้ทำหนังสือถึง รพ. ทั้ง 9 แห่ง เพื่อขอข้อมูลผู้ป่วยพร้อมประวัติการรักษาด้วยเช่นกัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประสานส่งต่อผู้ป่วย

อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยรายใดไม่ได้รับการติดต่อจาก สปสช. ขอให้โทรมายังสายด่วน สปสช. 1330 กด 6 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป สำหรับผู้ป่วยไตที่มีนัดฟอกไตกับทั้ง 9 รพ.เอกชนนี้ ยังคงรับบริการได้ตามนัดเหมือนเดิม เนื่องจากการยกเลิกสัญญาไม่ได้รวมถึงการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก , Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และไลน์ ทราฟฟี่ ฟองดูว์ พิมพ์ไลน์ไอดี @traffyfondue หรือคลิก

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส